เมืองเสน่ห์กาหลง มหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม
Khalong Amulet
ซ่อนแถบด้านข้าง

โชว กาหลง เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างบุญกับหลวงพ่อประยูร ศิษย์เอกหลวงพ่อผินะ วัด

[คัดลอกลิงก์]
rynyapatch โพสต์เมื่อ 8-6-2011 13:06 | แสดงโพสต์ทั้งหมด



    ขอบคุณนะคะ สำหรับสิ่งดี ๆ รวมทั้งคำสอนดี ๆ ด้วยค่ะ...
ตัวเลขทั้ง 7 ในเบอร์มือถือ สามารถบ่งบอกนิสัยตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่ารอให้ชีวิตคุณดีก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเลขมือถือให้ดี คุณต้องเปลี่ยนเลขดีก่อน ชีวิตคุณถึงจะดี!! ตัวเลขเสียๆ มักดึงดูดพลังงานเสียๆ เข้ามาทำให้เราผิดหวังในชีวิต ตรงกันข้าม ตัวเลขดีๆ มักดึงดูดพลังงานด้านดีๆ เข้ามาในชีวิต ผนวกกับบุญกรรมเก่าของแต่ละคนว่าจะไปสุดที่ตรงไหน เลขบางตัวเหมาะกับคนหนึ่ง แต่เป็นเลขเสียกับอีกคนหนึ่ง ศาสตร์พลังงานเลขมือถือ บางส่วนอิงจากโหราศาสตร์ไทย บางส่วนมาจากการเก็บสถิติ ศาสตร์เลขมือถือต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ในการวางตัวเลขมือถือให้เหมาะสม หลายคนเมื่อทราบผลการวิเคราะห์เบอร์มือถือของตนแล้วว่า ดี ร้าย อย่างไร แต่ยังพร้อมยอมทนใช้อยู่ ไม่รู้ทำไม เหตุผลง่ายนิดเดียว "เพราะทุกคนมีกรรมเป็นของตน" เมื่อถึงเวลา ฟ้าจะเปิดทางให้ท่านเปิดใจรับเรื่องมงคลดีๆ เข้ามาเสริมความรุ่งเรืองชีวิตท่านเอง จงจำไว้ ดวงคนเลือกเบอร์มาใช้เอง เบอร์ใครเบอร์มัน ไม่ซ้ำกัน หากท่านศรัทธาในศาสตร์พลังตัวเลขแล้ว ขออย่าลังเล หรือสงสัย อย่ารีรอทนใช้เบอร์เสียๆ เพื่อดึงดูดเรื่องร้ายๆ มารอเพื่อส่งผลแล้วค่อยเปลี่ยนเบอร์มือถือ วันนี้ คุณมีทางเลือกใช้ชีวิตแบบติดเทอร์โบได้ มัวช้าอยู่ทำไม? บริการวิเคราะห์เบอร์มือถือ วางเลขมงคล เรื่องการงาน การเงิน ความรัก โทร 09ุ ุ42282289 LINE ID: cholvibul
ponsawan โพสต์เมื่อ 9-6-2011 17:33 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
สัพพะธานังธรรมะธานังชินาติ (การให้ธรรมะย่อมชนะการให้ทั้งปวง )
พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติจนดับทุกข์ ที่นี้มาพูดต่อไปอีกคำเดียวว่า พระพุทธเจ้าคือคนที่รู้เรื่องนี้ แล้วท่านทำได้ คือป้องกันได้ เหตุแห่งทุกข์ไม่เกิด ท่านจึงไม่ทุกข์ คนนั้นรู้จักพระพุทธเจ้าท่านทีเลยรู้จักพุทธศาสนาโดยแท้จริง ว่าพระพุทธเจ้าคือคนที่มีจิตรอย่างนี้ พระธรรมก็คือเรื่องนี้ พระสงฆ์ก็คือผู้รู้และปฏิบัติได้เรื่องนี้ คนนั้นก็รู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่แท้จริงทันทีเลย เพราะเขาตั้งต้นเรียนมาจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่นี้พวกเราตั้งแต่เด็กเขาสอนให้ว่า พุทธธัง สะระณัง คัฉฉามิ คือนกขุนทองชินหนึ่งนั้นเอง ธัมมัง สะระณัง คัฉฉามิ สังคัง สะระณัง คัฉฉามิ คุณว่ามาแล้วกี่ร้อยครั้ง กี่ร้อยครั้งไม่ถึงพระพุทธเจ้าสักทีเห็นไหม มันได้แต่เสียงร้องตะโกน มันจึงไม่ถึงตัวพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ถึงแม้เราจะเรียนพุทธประวัติ ก็เป็นเรื่องราวที่จำได้ของคนไม่ถึงตัวพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ฉะนั้นขอให้ถึงตัว พระพุทะ พระธรรม พระสงฆ์ คือความรู้ว่าความดับทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างนี้ ขู้เป็นคนแรก เขาทำได้อย่างไร นี้คือพระพุทธเจ้า เรารู้จักพระพุทธแล้วเรารักจะเลื่อมใส จะเชื่อในพระพุทธ ด้วยชีวิตจิตรใจทีเดียวเดี่ยวนี้เราท่องกันแต่ปาก มันก็คงไม่มีศรัทราไม่มีความรู้ไม่มีทุกอย่าง ได้แต่เป็น นกขุนทอง ฉะนั้นจึงบอกวันนี้จึงบอกว่า ถ้าจะเข้าถึงตัวพระพุทธศาสนาก็ให้เรียนเรื่องทุกข์และดับทุกข์เป้นอย่างไร การปรุงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง การดับ หยุดปรุงเป็นสุขอย่างยิ่งก็อย่างนี้ในชีวิตตลอดวันๆคืนๆนี้ เรามี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัมผัส รูป กลิ่น เสียง รส โผฐัพพะ ธัมมารณ์ อยู่เสมอ
เราต้องรู้สึกว่าเราสัมผัส แล้วก็ปรุงอย่างไร ไม่ให้สัมผัส หยุด เงียบ เย้นอยู่ เป็น อย่างไร เช่น นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องปรุงพอลองออกไปสถานที่ที่ยั่วตา ยั่วหู ยั่วจมูก ยั่วลิ้น ยั่วกาย ยั่วใจ ลองดูเถอะมันจะต้องปรุง ไปที่หาดทรายที่พัทยาจะเป็นอย่างไร จะเหมือนกับที่นั่งอยู่ตรงนี้ไหม ไปหาดทรายภูเก็ตสิ มันจะเหมือนกับที่นั่งอยู่ตรงนี้ไหม ไปที่หาดทรายที่เกาะสมุย ที่เต็มไปด้วยฝูงพวกนั้น ว่ามันจะหยุดลงอย่างนี้ไหม ได้ยิ้นว่าคณะนี้มีจะไปเกาะมุย ขอให้โอกาสถ้าทนไม่ได้ จะไปก่อนเวลาก็ไม่เป็นไร ไม่เสียหาย ลุกไปได้เชิญไปแล้วอย่าลืมศึกษาว่านั่งที่หาดทรายเกาะมุย แล้วเปรียบเทียบกับที่นั่งอยู่ตรงนี้จะรู้สึเรื่องของการปรุงและไม่ปรุงได้เป็นอย่างดี... สาธุ
winny โพสต์เมื่อ 9-6-2011 17:47 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ตอบกลับ 92# ponsawan


ท่านพี่ ponsawan รบกวนช่วยชี้แนะและขยายความภาพเหล่านี้ด้วยคร๊าบบบบบบ....



IMG_0051.jpg IMG_0053 (45).jpg IMG_0051 (43).jpg 01.jpg 02.jpg 03.jpg

ขอบคุณคร๊าบบบบบ
ฉลาม โพสต์เมื่อ 10-6-2011 00:04 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ดูมีพลังแห่งเมตตาและโชคลาภ รอผู้มีภูมิความรู้มาเสนอแนะ
ponsawan โพสต์เมื่อ 10-6-2011 10:34 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขล่าสุด ponsawan เมื่อ 10-6-2011 10:51
ตอบกลับ

ขอบคุณคร๊าบบบบบ
ต้นฉบับโพสโดย winny เมื่อ 9-6-2011 17:47



    ที่น้องวินนี่นำมาให้ชมกัน ณ ที่นี้เรียกว่า ปางปริญสูตร (หรือปางชีตะวันนะครับ.. พิมมนี้เรียกว่าพิมม์นูนนะครับ )(เพราะหลวงพ่อท่านได้สร้างไว้มีทั้งหมด3พิมม์ด้วยกัน 1 พิมม์ลายเส้น 2. พิมมนูน 3.พิมมทรงเตารีดหรือA นั้นเองครับ เป็นปริศณาธรรม คือ ท่านว่าตะวันเป็นของร้อนและเป็นสิ่งที่กำเดินสรรพสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ดังนั้น ตัวเองเองก็ได้ถือกำเนิดมาด้วยตะวันเช่นกันในตัวเรานั้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้นหมายถึง ตาเห็นอะไรมันก็ร้อน หูฟังอะไรมันก็ร้อน ลิ้นได้ชิมรสอะไรมันก็ร้อย กายสัมผัสอะไรมันก็ร้อน ใจสัมผัสอะไรมันก็ร้อน ดังนั้นท่านจึงได้ชีให้เห็นว่า ตะวันเป็นของร้อนตัวเอาเองก็เช่นกัน ร้อนกายร้อนใจ ดังนั้นความหมายในรที่นี้หมายถึงให้เราดับร้อนด้วยการไม่ปรุงหรือหยุดปรุงจากความร้อนต่างๆ กับสิ่งที่เราได้เห็นได้ยินได้รสได้กลิ่นได้สัมผัสแล้วก็มันจะมาปรุงตรงที่ใจเรา.หากเราปรุงมากมันก็ร้อนมากหากเราปรุงแต่งน้อยมันก็ร้อนน้อยนั้นเองแล..เนื้อหามวลสารนี้ ประกอบไปด้วย ว่าน108จำพวก ข้าวสารหินสักสิทธิ์ หลวงพ่อท่านได้ ตำเองและอัดเองด้วยมือของท่านและได้เสกอธิฐานจิตรเดียวๆออและมวลสารอีกอย่างนั้นเป็นของอาถรรพน์ครับ..ใช้ได้ดีทางเมตาค้าขายและแคลวขาด ..ทั้งนี้ทั้งก็ขึ้นอยู่ที่ความศรัทราของเราเป็นตัวเสริมด้วยนะครับ เอาละครับที่นี้ก็เข้าใจกันละนะขอรับส่วนด้านล่างนั้นเรียกว่า สมเด็จกวนอิมครับผม หลวงปู่ผินะท่านได้สร้างเอาไว้เมื่อตอนที่สมัยท่านยังอยุ่ มีที่มาที่ไปท่านหลวงปู่ ได้เล้งเห็น พระโพธิสัตว์กวนนั้น มีพุทธประวัติที่มาที่ไปนั้นคือความกตัญญูตา นั้นหมายหมายถึง กตัญญูต่อ บิดา มารดา มีเมตาคุ้มครองแคลวขาดนะ ขอรับ สมเด็จกวนอิมนี้หลวงปู่ ผินะ ท่านเสกและอธิฐาน ด้วยจิตรของท่านเดียวๆ นะขอรับ ผู้ใดที่ได้รับไปนั้นก็ถือว่าเป็น ศิริมงคลแก่ตนเองและเมื่อเห็นแล้วก็อยากจะให้ ระลึกเสมอว่า ความกตัญญู ต่อบิดามารนั้นเป็นสิ่งประเสริฐหามิแล้วนั้นเองนะขอรับ ..สาธ
ปล แต่ละรุ่นนั้นท่านสร้างไว้ไม่มากครับผม ..
ponsawan โพสต์เมื่อ 10-6-2011 10:51 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ประกาศ ท่าเจ้าเมืองหาย ....  
winny โพสต์เมื่อ 10-6-2011 20:35 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ประกาศ ท่าเจ้าเมืองหาย ....
ต้นฉบับโพสโดย ponsawan เมื่อ 10-6-2011 10:51



    เด๋วผมไปตามให้ครับพี่พร......
ponsawan โพสต์เมื่อ 11-6-2011 17:34 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
สัพพะธานัง ธรรมะทานัง ชินะติ ( การให้ธรรมะย่อมชนะการให้ทั้งปวง )
เรียนพุทธศาสนาทุกขณะมีการกระทบจะรู้จริง.. นี้ขอให้สนใจ เรื่องว่า มันไปกระทบอะไรเข้าแล้วมันกระตุ้นใจ มันกระตุ้นใจ หรือได้ยินอะไรเข้าแล้วมันกระตุ้นใจ หรือได้กลิ่นอะไรเข้าแล้วมันกระตุ้นใจ ได้รสอะไรเข้าแล้วมันก็กระตุ้นใจ ถ้าอารมณ์มาก มันก็ปรุงรู้ได้ที่มันร้อนขึ้นมา ร้อนหัว ร้อนหู ร้อนใจ ร้อนกระทั่งอวัยวะประจำเพศ ขอโอกาสพูดตรงๆอย่างนี้ ที่เรียกว่าการปรุงนั้น ในที่สุดมันจะร้อนไปตามลำดับกระทั่งอวัยวะประจำเพศ ก็จะต้องร้อนขึ้นมา คือ ปรุงแล้วทุกข์หรือไม่ทุกข์ เมื่อถูกอารมณ์กระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะร้อนไปตามลำดับอย่างที่ว่านี้นี่เรียกว่าการปรุง เรียนพุทธศาสนาที่ชีตรงนี้ซิแล้วจะรู้พระพุทธศาสนายิ่งกว่าเรียนพุทธประวัติ หรือเรียนอะไร ซึ่งมันเป็นส่วนประกอบเท่านั้น พระไตรปิฏกมากมายก็จริง แต่ในใจความสำคัญมันอยู่ตรงที่พระพุทธเจ้าท่านว่า นี้เป็นอาทิพรหมจรรย์ คือ ตา หู จมูก กาย ใจ สำหรับติดต่อกับรูป เสียง กลิ่น สร โผฐัพพะ ธัมมารมณ์ ได้คู่แล้วก็ปรุงเป็นวิญญาณ ปรุงสัมผัสสะ ปรุงเวทนา เป็นตัณหา เป็นอุปาทาน เป็นภพ เป็นชาติ และก็เป็นทุกข์ ไปจบอยู่ที่ทุกข์ เรียกว่า ปรุงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ถ้ามีสติปัญญามันไม่ปรุงหรือว่าบางทีตามธรรมชาติก็ไม่ปรุงเหมือนกันแหละ ตามธรรมชาตินั้นยังโชคดีอยู่ที่ว่า แม้ตามธรรมชาติมันก็ไม่มีการปรุงอยู่มากเหมือนกันเช่น ตาเราเห็นอะไรมันก็เฉยเป็นอย่างนี้เป็นอย่างนั้น หูเราได้ยิ้นอะไรมันก็เฉยไปได้ไม่ปรุง เช่นเดี่ยวนี้ เราลืมตาอยู่ทุกคนแล้วก็เห็นอะไรอยู่มันยังไม่มีการปรุงหูได้ยินเสียงแมลงเสียงไก่เสียงอะไรอยู่แต่มันไม่เป็นการปรุง จมูกได้กลิ่นอะไรอยู่ก็ไม่เป็นการปรุง แต่ในบางกรณี มันไม่เป็นอย่างนั้น มันเห็นสิ่งที่มีความหมาย แล้วยืดเอา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์นั้นๆที่มาจากเพศตรงข้าม ข้อนี้พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้เอง ว่าสิ่งที่จะมาครอบงำคน แล้วกวนจิตรใจที่สุดนั้น ก็คือสิ่งที่เป็นอารมณ์มาจากเพศตรงข้าม ท่านได้ใช้คำแยกกันว่าสำหรับหญิงสำหรับชาย รูปที่จับใจชายก็คือรูปหญิง รูปที่จะจับใจหญิงก็คือรูปชาย เสียงที่จับใจหญิงก็คือเสียงชาย เสียงจะจับใจชายก็คือเสียงของผู้หญิง ท่านว่าเป็นคู่ๆอย่างนี้มันมากนัก อาตมาจะพูดสรุปว่า อามรณ์ที่จะมาปรุงมากที่สุดก็คืออารมณ์จากเพศตรงข้าม ก็เลยจัดเอาเองระหว่างหญิงระหว่างชาย หรือนิมิตเครื่องหมายของเพศตรงข้าม หรือสิ่งที่มีให้ความหมาย หรือความรู้สึกอย่างนั้น เป็นวัตถุสิ่งของก็ได้ เช่น ว่าจดหมายของแฟน มันไม่ใช่กระดาษเฉยๆพอไปอ่านมันเข้า มันก็เป็นเรื่องปรุง เพราะมันมีความหมายอย่างเพศตรงกันข้าม เพราะฉะนั้น ท่านจึงใช่คำว่า สิ่งที่จะจับใจคนแล้วฝังลงไปอย่างเหนียวแน่น นั้นก็คืออารมณ์ที่มาจากเพศตรงกันข้ามแล้วมันก็เป็นเรื่องทางตาก็ได้ทางหูก็ได้ทางจมูกก็ได้ทางลิ้นก็ได้ทางผิวหนังก็ได้ทางจิตรใจเองก็ได้เช่นกัน นี้รู้จักเรื่องปรุงไว้อย่างนี้ นั่นจะศึกษาพุทธศาสนาได้ดี เรมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำหน้าที่อยู่ตลดเวลาถ้ามันไม่ปรุงไม่ปรุงตามแบบของปฏิจจสมุปบาทนี้ก็ไม่ร้อน ไม่ปรุงก็ไม่ร้อน พอปรุงก็เป็นทุกข์อย่างยิ่ง พอไม่ปรุงก็ยังเย็นอยู่ เมื่อไม่ปรุงตามธรรมชาติ ก็ดีอยู่แล้ว เช่นเราไปไหนมันจะต้องพบแล้วก็ปรุงตามธรรมชาติ..นั้นเองแล ...
ponsawan โพสต์เมื่อ 12-6-2011 09:47 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
สัพพะธานัง ธรรมะธานัง ชินาติ (การให้ธรรมะย่อมชนะการให้ทั้งปวง )
ธรรมชาติจะปรุงเสมอต้องใช้สติปัญญาควบคุม..ทีนี้ถ้าตามธรรมชาติมันจะปรุง เราใช้สติปัญญาของเรา ควบคุมไว้ไม่ให้ปรุงมากจนเกินไป มันก็ไม่ทุกข์เหมือนกัน ฉะนั้นเราจึงต้องมีสติ คอยควบคุมอย่าให้เกิดเป็นการปรุงขึ้นมา ให้หยุดเย็นอยู่ดังเดิม ก็จะมีความสุข มีความสุขชนิดไม่ปรุงนี้ ไม่ใช่ว่าจะบ้าบอผอดปรกติไปแล้ว ไม่ใช่ มันมีความรู้สึกควบคุมอยู่ เมื่อไม่ปรุงมันก็เย็นอยู่ ที่เย็นนี้ ไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้ เย็นนี้คือ อารมณ์ที่ดีมีใจคอปรกติเมื่อเรานั้นทำอะไรได้ดีกว่าที่เรากำลังมีจิตรใจหงุดหงิดฟุ้งซ่าน ขอให้เราสังเกตดู แล้วเรียนพุทธศาสนาจากเรื่องจริงอย่างนี้ ก ข ก กา ของพุทธศาสนาตั้งแต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วเราก็มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พร้อมที่จะหน้าที่อยู่เสมอถ้าเราไม่มีปัญญาควบคุมมัน เราก็วินาศแหละ เราจะร้อนเราจะเป็นทุกข์ เราจะทรมาน อย่างน้อยสุดก็จะได้เป็นโรคประสาท ที่เดี๋ยวนี้เป็นกันมากๆ เพราะว่าเขาทำไม่ถูกกับเรื่องเหล่านี้ เขารัก หลงโกรธ หลงเกลียด หลงกลัว หลงวิตกกังวล หลงอาลัยอาวรณ์ เขาทำไม่ถูกในเรื่องนี้ ขอให้เราเป็นผู้ฉลาดในเรื่องนี้ สมกับว่าเป็นพุทธบริษัท ควบคุมมันให้ได้ แล้วก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ และไม่ต้องเป็นทางของความทุกข์ เช่น โรคประสาท เป็นโรคจิตร เป็นโรคอะไรรบกวนอยู่เสมอ ที่ท่านทั้งหลายตั้งใจจะศึกษาธรรมะ เพื่อจะเอาไปใช้ประโยชน์ อาตมาก็บอกว่า หัวข้อสองหัวข้อนี้ช้วยได้มากว่าการปรุงเป็นทุกข์อย่างยิ่งการดับไม่ปรุงก็เป็นสุขอย่างยิ่ง หยุดปรุงแล้วเป็นสุข ไม่เกิดอุปทาน เมื่อได้ยินคำว่า เตสัง วูปะสะโมสุขโข ที่เขาสวดงานศพก็ให้รู้ว่า นั้นแหละเขากำลังบอกกับคนทั้งหลายว่า หยุดการปรุง คือสังขารนั้นเสีย อย่าไปเข้าใจว่าตายนอนในโล่งเป็นสุขนะ มันผิด ผิดจนไม่รู้ว่าผิดอย่างไร ที่ว่าตายนี่ดับสังขารคือตาย แล้วนอนในโล่งเป็นความสุข คนนอนอยู่ในโล่งมีความสุข มันโง่กี่มากน้อยคิดดูสิ ถ้าไปคิดอย่างนั้นมันก็เหลือเกินแหละ ที่จริงเขาบอกความจริงที่สุด สูงสุด ถูกต้องสุด มีค่าที่สุดว่า เตสัง วูปะสะโม สุขโข ระงับเสียซึ่งการปรุงแต่งเหล่านั้น สังขารเหล่านั้นมันก็เป็นสุข นี่เราฉลาดขึ้นทุกทีทีไปงานศพ หรือได้สติขึ้นมาทุกทีที่ไปงานศพมันก็ดีอย่างนี้ ฉะนั้นจึงขอร้องเมื่อตะกี้นี้ว่า ช่วยจำไปให้ดีๆนะสองประโยคนี้ ปรุงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ดับทุกข์เป็นสุขอย่างยิ่ง นี้เรียนจากตัวเอง เมื่อกระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วปรุงเกิดจักษุวิญญาณ เกิดสัมผัสสะ เกิดเวมทนา เกิดตัญหา เกิดอุปทาน เดือดพล่านอยู่ด้วยอุปทานว่า ตัวกูบ้าง ว่าของกูบ้าง มันก็เป็นทุกข์เมื่อนั้น อุปทานแปลว่า จับฉวยเอาอะไรเข้ามาเป็นตัวกู-ของกู ก่อนนี้ไม่ได้จับฉวยอะไรมาเป็นตัวกู –ของกูก็ไม่เป็นทุกข์ พอมีอะไรมาเป็นตัวกู-ของกูมันก็เต็มไปด้วยปัญหา ปัญหาที่จะต้องต่อสู้แก้ไขดิ้นรนเป็นทุกข์ เรียกว่ากลายเป็นผู้ถือของหนักขึ้นมาแล้ว ก่อนเราเดินตัวเปล่าเบาสบาย เดี๋ยวนี้เราเอาของหนักๆขึ้นมาแบกแล้ว เมื่อเกิดอุปทาน หมายมั่นอะไรเป็นตัวกู-เป็นของกูขึ้นมา มันก็จะเป็นทุกข์ เรมีเงินอยู่ในธนาคาร มันก็ไม่มาเป็นทุกข์ ถ้าไม่ได้แบกไว้ด้วยจิตรใจ ถ้าเราไม่ยืดถือมัน ฝากไว้ที่ธนาคารปลอดภัยจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเอามาวิตกกังวลอยู่มันก็เป็นทุกข์เพราะมันเอาแบกไว้ด้วยใจ ฉะนั้นอะไรๆที่เรามีเราเรียกว่าเรามีนั้นใหเมีอยู่โดยไม่ต้องเอามาแบกหามไว้ด้วยใจแม้แต่ชีวิตนี้ ตอนนี้จะฟังยาก ว่าแม้แต่ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องเอามายืดมั่นว่าเป็นตัวเราหรือเป็นของเรา อย่าแบกมันไว้ด้วยใจมันหนักเหมือนแบกของหนัก ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วคอยจัดการปรับปรุงแก้ไขให้ดี ชีวิตนี้มันก็ไม่มาเป็นทุกข์อยู่บนจิตรใจของเรา แล้วมันก็เป็นไปอย่างถูกต้องก็มาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ ถ้าเมื่อใด เราไปโง่ไปหลง ว่าชีวิตนี้เป็นของเราเป็นตัวกู นี้เป็นทุกข์หนักทันที แล้วมีเรื่องมากไม่สิ้นสุด แม้แต่ชีวิตจิตรใจก็รู้ว่า มันเป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติของการปรุงของมัน ของชีวิต อย่าเอามาเป็นของเราอย่าไปปรุงมันขึ้นมา ...นั้นแล .. สาธุ
attachot โพสต์เมื่อ 12-6-2011 20:01 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
แจ้งโอนเงินทำบุญจากเพื่อนๆของผมเพิ่มอีก 4000.01 บาท ร่วมยอดทำบุญทั้งสิ้น 6000.01 นะครับ รายละเอียดเงินทำบุญเพิ่มแจ้งทาง PM พร้อมส่ง SMS ครับ
winny โพสต์เมื่อ 12-6-2011 20:30 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
แจ้งโอนเงินทำบุญจากเพื่อนๆของผมเพิ่มอีก 4000.01 บาท ร่ว ...
ต้นฉบับโพสโดย attachot เมื่อ 12-6-2011 20:01



    รับทราบการโอนเงินร่วมบุญ ขอบคุณมากครับ ในส่วนของยอดเงิน 2000 บาทครั้งที่แล้วผมได้ดำเนินการส่งมอบให้หลวงพ่อประยูรเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
จะทยอยจัดส่งวัตถุมงคลให้เป็นที่ระลึกต่อไปครับ
rynyapatch โพสต์เมื่อ 15-6-2011 12:03 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอร่วมบุญด้วยคนนะคะ
โอนแล้วเมื่อวานนี้ ผ่านทางวินนี่สุดหล่อ
500 บาทค่ะ ...
 เจ้าของ| cho โพสต์เมื่อ 15-6-2011 12:13 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ประกาศ ท่าเจ้าเมืองหาย ....
ต้นฉบับโพสโดย ponsawan เมื่อ 10-6-2011 10:51


หายแปล๊บๆจ่ะ มาแล้ว มาแว๊บๆค่ะ!!  
วันนี้ทำงาน1/2วันพอ ขอดูบอร์ดเต็มๆบ้าง เอาละเริ่มได้
ปรี้ดส์!!
winny โพสต์เมื่อ 15-6-2011 16:27 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอร่วมบุญด้วยคนนะคะ
โอนแล้วเมื่อวานนี้ ผ่านทางวินน ...
ต้นฉบับโพสโดย rynyapatch เมื่อ 15-6-2011 12:03



   ได้รับเงินแล้วครับพี่ริญ รายละเอียดส่วนตัวก็ได้รับเรียบร้อยแล้วครับ จะรวบรวมปัจจัยและกำหนดวันที่จะนำมอบแก่หลวงพ่อประยูรอีกครั้งครับ เพราะจะต้องรอสอบถาม พณ ท่านเจ้าเมืองผู้ทรงเกียรติอีกครั้งครับ
winny โพสต์เมื่อ 23-6-2011 19:52 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ช่วงปลายเดือนผมจะมาอัพเดทยอดเงินที่มีผู้้ร่วมบุญเข้ามาทั้งจากในเมืองเสน่ห์กาหลงและผู้มีจิตศรัทธานอกเมืองเสน่ห์กาหลงครับผม
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครเป็นชาวเมืองเสน่ห์กาหลง

รายละเอียดเครดิต

ปิด

เว็บมาสเตอร์แนะนำย้อนกลับ /1 ถัดไป

รายชื่อผู้กระทำผิด|Archiver|Mobile|เมืองเสน่ห์กาหลง (Khalong Charming Town)

GMT+7, 2-11-2024 21:33 , Processed in 0.115928 second(s), 6 queries , File On.

Powered by Discuz! X3.4

© 2001-2017 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้