|
แก้ไขล่าสุด Darkk เมื่อ 29-6-2011 21:28
ไปพิสูจน์มาแล้ว
สลับแผ่นทองครับ
ต้นฉบับโพสโดย richy เมื่อ 25-5-2011 09:48
ผมก็ไปพิสูจน์มาเเล้วครับ สลับแผ่นทอง
ตอนเเรกผมก็เชื่อว่าเค้าเป่าได้จริง
เเต่พอไปจับผิด ดีๆ เป็นไปตามเจ้าของกระทู้นี้ทุกประการ
http://khalong.com/board2/thread-7752-1-6.html
สมัคร http://www.randi.org/
M. Lamar Keene : Prince of the Spiritualists
โรคงมงาย
หาก James Randi ยอมรับว่าคุณมีพลังเหนือธรรมชาติจริง องกรค์เอกชนอีกหลายแห่งทั่วโลกยอมควักกระเป๋าจ่ายสบทบให้อีกดังนี้
72,000 บาท (2,000 ดอลลาร์) จาก New York Area Skeptics
200,000 บาท (200,000 รูปี) จาก Science and Rationalists| Association of India
45 ล้านบาท (10 ล้านหยวน) จาก Sima Nan
รวมเงินรางวัลทั้งสิ้นประมาณ 82 ล้านบาท
ใครแน่จริงก็สมัครได้เลยครับ ตั้งรางวัลมา 10 กว่าปีแล้วยังไม่มีใครสามารถพิชิตเงินรางวัลนี้ได้
อะเมลล์ jrefbrandon@gmail.com
1976 M. Lamar Keene ชาวฟลอริด้า ผู้ได้รับสมญานามว่า “จอมขมังเวทย์” (Prince of the Spiritualists) จากการหาเลี้ยงชีพ ด้วยการแสดงการใช้พลังจิต เคลื่อนย้ายสิ่งของ และติดต่อสื่อสารกับโลกวิญญาณ ต่อหน้าสักขีพยาน ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัดสินใจเปิดโปงตัวเอง ด้วยการเขียนหนังสือเรื่อง Psychic Mafia เปิดเผยวิธีการ ที่เขาใช้ตบตา สร้างปาฏิหาริย์ จนกระทั่งทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าเขามีพลังจิตเหนือมนุษย์ แม้ว่าภายหลัง ความจริงทั้งหลาย จะถูกตีแผ่ออกมา คนเหล่านี้จะปฏิเสธไม่ฟังเหตุผล และยังคงปักใจ เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยม ไปด้วยศรัทธา ซึ่งหยั่งรากฝังลึก จนมองข้ามข้อเท็จจริง อันเป็นที่ต้องการของนักต้มตุ๋น Keene เรียกอาการศรัทธา จนไม่ลืมหูลืมตาว่า
“โรคงมงาย” (True-Believer Syndrome)
ตลอดเวลา 13 ปีในคราบนักพลังจิต Keene ทำเงินได้มหาศาล จัดอยู่ในขั้้นเศรษฐีเลยทีเดียว แต่หลังจากที่เปิดโปงตัวเองแล้ว เขาก็เลิกอาชีพแสดงพลังจิต อย่างเด็ดขาด หันมาประกอบอาชีพสุจริต ด้วยการเปิดร้านขายของเก่า แต่ผลพวงของหนังสือ Psychic Mafia สร้างความไม่พอใจ ให้กับนักต้มตุ๋นรายอื่นๆ ถึงกับมีการโทรศัพท์ขู่อาฆาต หมายปองจะปลิดชีวิต และแล้ววันนั้นก็มาถึง คืนหนึ่งหลังจากปิดร้าน Keene ถูกลอบยิงแต่โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ เขาจึงตัดสินใจ ย้ายถิ่นฐานไปอยู่รัฐอื่น เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และหายตัวเข้ากลีบเมฆ ไม่มีใครได้ข่าวคราวจากเขาอีกเลย หลายปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ศัพท์คำใหม่ “โรคงมงาย” ไม่สูญหายไปกับเหตุการณ์ มันได้ถูกนำมาใช้ เรียกอาการของคนที่หลับหูหลับตาเชื่อ ในเรื่องปาฏิหาริย์ แม้ว่าจะเรื่องราวเหล่านั้น จะได้รับการโต้แย้ง ในภายหลังด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์แล้วก็ตาม |
|