ประวัติการสร้าง ขุนเเผนมนต์นางพรายกุมารเเละน้ำมันโภคทรัพย์

ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมาร

ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารสร้างโดยปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว โดยยึดตำรับโบราณหมวด “หลักเล่นว่านให้รวยด้วยวิชาไสยศาสตร์” ด้วยการออกแบบพิมพ์ให้มีเทพขุนแผนนั่งภายในซุ้มเรือนแก้วที่ประกอบด้วยนางพรายยืนแทนที่เสาทั้งสองข้าง

เคียงกายของขุนแผนมีหญิงสาว(นางพราย)นั่งเคียงกายบนฐานพญาปลัดนางนอน

ด้านหลังมีอักขระเลขยันต์และภาพของกุมารทองปางปาฏิหาริย์

อธิบายจากภาพประกอบโดยรวมที่นำมาแสดงนี้ ปู่หมอนาคกล่าวว่า วัตถุมงคลที่สร้างและปลุกเสกไม่ว่าจะเป็นของสำนักใด ภาพประกอบที่จงใจกำหนดให้เป็นรูปแบบนั้น สามารถบอกเรื่องราวว่าผู้สร้างวัตถุมงคลนี้มีจุดประสงค์ให้เกิดอานุภาพไปทางใด

ในตำรับการสร้างพระพิมพ์ที่ปรากฏในวงการพระเครื่องก็มักจะมีแนวคิดเช่นนี้ว่า หากต้องการให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า ท่านให้บูชาพระพุทธรูปปางลีลา หากต้องการความสมบูรณ์ร่มเย็นเป็นสุข ท่านให้บูชาพระพุทธรูปปางซุ้มร่มโพธิ์ (ซุ้มเรือนแก้วก็ได้) ต้องการมีกินมิรู้สิ้นให้บูชาพระพุทธรูปปาง “จกบาตร” ฯลฯ หรือไม่ก็จะแยกแยะย่อยออกไปเช่นให้บูชาพระสิวลีจะได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เป็นต้น

โดยหลักวิธีคิดเช่นนี้ ปู่หมอนาคจึงออกแบบ “ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมาร” นากจาก “เทพขุนแผน”ผู้สำเร็จวิชาคาถาอาคมขลัง เป็นผู้มีอำนาจ เก่งกล้าทั้งการศึกและความรัก จนเป็นที่ทราบกับดีว่า ขุนแผนนี้ดีทางเสน่ห์เจ้าชู้ดีนัก ยังกำหนดให้มีทั้งนางพราย(หญิงสาว)จำนวนมากถึง ๔ นาง(นางพรายในเคล็ดวิชาโบราณท่านว่ามีอำนาจทางเสน่ห์เมตตาและลาภผลเงินทอง) พญาปลัด(ขิก)เพื่อผลทางเมตตาและค้าขาย กุมารทองปางปาฏิหาริย์ เน้นอำนาจการคุ้มครองป้องกัน ทั้งจากคุณผี คุณคน คุณหุ่นพยนต์เวทย์มนตราทั้งปวง

ในการจัดพิธีปลุกเสกขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารนี้ ปู่หมอนาคถือเคล็ดว่าจะต้องนำเอาตำรับวิชาการปลุกเสกที่เกี่ยวเนื่องกับภาพองค์ประกอบครบถ้วนจึงสำเร็จสมเจตนา

มวลสารหลักในองค์ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารนี้ ปู่หมอนาคแสวงหาว่านที่มีอานุภาพครบถ้วนตามภาพประกอบในวัตถุมงคลรุ่นนี้และอ้างอิงหลักโบราณเกี่ยวข้องกับว่านเพื่อจัดเพิ่มเติมให้ขุนแผนนี้มีความขลังอย่างหาที่เปรียบประมาณได้ ดังมีความโดยย่อดังนี้

ในกระบวนพรรณพฤกษาชาติอาถรรพณ์ด้วยกันแล้ว “ ว่าน “ นับว่าเป็นพฤกษาชาติที่มีอาถรรพณ์อันน่ามหัศจรรย์ใจยิ่งกว่าพรรณไม้เหล่าอื่น ๆ เพราะ ”ว่าน” นอกจากจะอุดมไปด้วยสรรพคุณทางสมุนไพรนานัปการแล้ว”ว่าน”ยังมีคณานุภาพทางไสยศาสตร์อุดมไปด้วยอันพลังเร้นลับนานัปการ หากผู้ใดสามารถที่จะล่วงรู้วิชาการนำเอาอำนาจของต้นว่านต่าง ๆ ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยกรรมวิธีทางไสยศาสตร์อย่างช่ำชองแล้ว บุคคลผู้นั้นจะสามารถยังประโยชน์ให้เกิดอย่างยิ่งใหญ่ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

                จากข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของเหล่าบูรพาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเล่นว่านแต่ครั้งโบราณท่านกล่าวไว้ว่า พรรณไม้วิเศษตระกูลว่าน นอกจากจะยังผลให้เกิดอานุภาพทางเมตตามหานิยม อุดมเสน่ห์อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วนั้น “ ว่าน “ ยังสามารถ ดลบันดาลให้เกิดอิทธิผลทางด้าน เมตตาโชคลาภ ความร่ำรวย ความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และการทำมาหากินอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถทำให้เจ้าของผู้ครอบครองสำเร็จเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีในระยะเวลาต่อมา

จากข้อความเหล่านี้เมื่ออ่านแล้วให้ชวนคิดสงสัยว่าจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ แต่นักปราชญ์โบราณท่านกล่าวยืนยันไว้ว่าเป็นไปได้จริงล้านเปอร์เซ็นหากต้องรู้จักวิธีการ ซึ่งท่านได้เมตตากรุณาถ่ายทอดออกมาเป็นตำราเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษามีดังต่อไปนี้

ตำรับเล่นว่านให้รวยด้วยวิชาไสยศาสตร์

โดยทั่วไปแล้ว นักนิยมเล่นว่านทั้งหลายส่วนใหญ่มักจะเชี่ยวชาญในเรื่องของวิชาการจดจำคุณลักษณะของต้นว่าน วิธีการปลูกบำรุงดูแลรักษากันเสียส่วนใหญ่ น้อยท่านนักที่จะเชี่ยวชาญหลักวิชาเล่นว่านตั้งแต่ต้นจนจบครบกระบวนวิชา ซึ่งแต่โบราณท่านได้จัดหลักวิชาวางไว้ให้ศึกษามี 7 อย่างดังต่อไปนี้

1.
มูลวิชา            มีความรู้เรื่องกำเนิดและแหล่งที่มาของว่าน

2.
รูปะระวิชา     มีความรู้เรื่องลักษณะ ต้น กิ่ง ราก กลิ่น สี หัว ของว่าน

3.
อายูระวิชา      มีความรู้เรื่องวิธีการปลูกเลี้ยงบำรุงรักษาว่าน

4.
โหราวิชา        มีความรู้เรื่องฤกษ์ยามในการทำพิธีการต่างที่เกี่ยวกับว่าน

5.
รายานะวิชา    มีความรู้เรื่องวิธีการปรุงผสมว่านให้ออกฤทธิ์เป็นองค์ธาตุต่าง ๆ 3 ประการคือ

-
หระฤทธิธาตุ เพื่อเป็นยาสมุนไพรใช้ในทางสร้างสรรค์เช่น รักษาโรค ถอนพิษร้าย หรือ ฝังไว้เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองตามสถานที่ต่าง ๆ ฯลฯ  

-
หริฤทธิธาตุ  เพื่อเป็นยาพิษใช้ให้ทำลายล้างศัตรูข้าศึก และทำลายความเจริญรุ่งเรืองของสถานที่ต่าง ๆ

-    อาถรรพณ์ ฤทธิธาตุ เพื่อสร้างเป็นวัตถุอาถรรพณ์ยังให้เกิดผลต่าง ๆ ตามปรารถนาตามกรรมวิชาการทางไสยศาสตร์

6.
มันตระ ตัชชารีวิชา       มีความรู้เรื่องมนต์คาถาที่นำมาใช้ประกอบในการทำพิธีต่าง ๆ เกี่ยวกับว่านยาในทุกตำรา

7.    อมฤตวิชา        มีความรู้เรื่องการปรุงว่านยาให้กลายเป็นน้ำอมฤต สิ่งวิเศษสูงสุดใน 3 โลกใช้สำหรับแก้พิษของพญานาค และชุบชีวิตคนตายให้กลับฟื้นคืนได้ ใช้สำหรับสร้างของวิเศษต่าง ๆ เช่นแก้วมณีโชติ7สี  แก้วมณีจินดา  แก้วนาคะราช เกราะเพชร พระบาทแก้ว( ใช้สำหรับทำให้เหาะเหิรเดินอากาศได้ ) พัดกรดวายุ ( พัดวิเศษที่ใช้สำหรับสร้างและบังคับลม ) ธงเทพวาริน ( ธงวิเศษใช้สำหรับเรียกฝนบังคับน้ำ ) ฯลฯ  นอกจากนี้ยังจัดเป็นอมตะธาตุในลัทธิมหาโยคะศาสตร์กล่าวคือสามารถอธิษฐานให้สถิตตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายยังผลให้เกิดความเป็นทิพย์ต่าง ๆ อาทิ

สถิตที่จุดสหัชธาร(กลางกระหม่อม) ทำให้เกิดมีสติปัญญาเป็นเลิศ

สถิตที่จุดอาชวะจักร ( กลางหว่างคิ้ว ) ทำเกิดตาทิพย์เห็นทุกสิ่งที่ปรารถนา และมีหูทิพย์ได้ยินทุกสิ่งที่ปรารถนา

สถิต ณ จุดวิสุทธิธาตุ(คอหอย) ทำให้มีเสียงไพเราะเหมือนนกการเวกและมีวาจาสิทธิ์

สถิต ณ จุดอานาหะตะ(กลางหว่างอกระดับราวนม) ทำให้สามารถอธิษฐานเรียก ทรัพย์สมบัติโชคลาภ ความเจริญ สุขสมบูรณ์ทางวัตถุต่าง ๆ แถมยังสามารถเรียกทองคำและอัญมณีต่าง ๆ ให้ผุดขึ้นมาได้จากพื้นแผ่นดินได้อีกด้วย

สถิต ณ จุดมณีปุระ(ใต้สะดือลงมาประมาณสองนิ้ว) ทำให้มีอำนาจจิตสูงสามารถสะกดจิตมนุษย์และสัตว์ให้เชื่อฟังได้

สถิต ณ จุดมูลฐาน (ฝีเย็บใต้หง่างขา) ทำให้มีพละกำลังยิ่งกว่า 7 ช้างสาร ร่างกายอยู่ยงคงกระพัน พิษไฟและพิษต่าง ๆไม่ทำร้าย อายุยืนไม่แก่ชรา ไม่เจ็บป่วยด้วยประการทั้งปวง คณานุภาพของน้ำอมฤตนั้นมีกล่าวไว้ไม่สิ้นสุด

ซึ่งในตำราเดิมฉบับนี้เป็นของพระฤๅษีริงกิ(มีนามปรากฏกล่าวถึงในรามมะยาณะของอินเดีย) ผู้แต่งคัมภีร์อาถรรพณ์เวทย์ ท่านมิได้เขียนกล่าวถึงการนำว่านวิเศษชนิดใด ๆ มาปรุงให้เกิดเป็นน้ำอมฤตเลยแม้แต่น้อย มีเพียงบันทึกการประกอบ พิธียัญกิจ  การบำเพ็ญสมาธิ ด้วยบทมหาอมฤตมนต์ เพื่อให้เทพเจ้าผู้ครอบครองน้ำอมฤตเห็นใจแบ่งประทานน้ำอมฤตมาให้ซึ่งจะต้องเก็บบูชาไว้ในขวดภาชนะซึ่งทำจากสิ่งอันบริสุทธิ์หรืออัญมณีชนิดใดชนิดหนึ่ง อาทิ หยกขาว มรกต หินในสายน้ำคงคาบนยอดเขาหิมาลัย  หินพลอยสีแดง นิลดำ  หินมุกดาหาร  ฯลฯ เป็นต้น   

วิชาจากตำราทั้ง 7 นี้ถือเป็นตับตำราที่ใช้สำหรับศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ของต้นว่านที่สมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบ

ตำรับที่ 2 วิชาทำน้ำมันพญากวักโภคทรัพย์(พญาเทครัว)สำนักเพชรแสงแก้ว

ผู้ใดปรารถนาจะยังให้ตนเจริญรุ่งเรืองให้โภคสมบัตินานา ให้พึงหาสิริเทพแห่งโภคทรัพย์อันอยู่ในดอกและหัวของต้นว่านทั้ง 16 อย่างมีดังนี้      

1. ว่านกวักเงินกวักทอง

ลักษณะว่าน ใบคล้ายพลูด่างเรียวยาวกว่า ก้านใบเป็นกาบแยกออกซ้ายขวาใบสีเขียวเข้ม ลายขาวเป็นแถบสลับเป็นระยะ ลำต้นโผล่จากดินเล็กน้อย ช่วงก้านใบไม่ยาวนัก เอามาแต่ราก

คุณประโยชน์โดยทั่วไป ให้ปลูกไว้หน้าบ้านหรือร้านค้า เพราะนับถือกันว่าจะช่วยเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน ดีทางทางค้าขายยิ่งนัก เวลาว่านออกดอกเมื่อไรเจ้าของมักจะได้รับลาภก้อนใหญ่ มักจะใช้เป็นไม้เซียมซีเสี่ยงทายขอหวยที่ดอกพร้อมนำผ้าเขียวแดงมาพันรอบต้นแต่โบราณเรียกว่าการรับขวัญต้นว่าน

สรรพคุณพิเศษ อานุภาพในทางเรียกความนิยมจากลูกค้าให้มีความติดอกติดใจในสินค้าของตน ทำให้การค้าขายดีมีกำไรเสมอมิขาดสาย

2.  ดอกว่านนางอาย

ลักษณะ ใบยาวเรียว เมื่อแตกใบอ่อนยอดปลายใบจะเลื้อยสอดเข้าไปซุกอยู่ในปลายใบของใบที่อยู่ถัดไป และจะซุกอยู่ดั่งนี้จนเป็นเพสลาด จึงจะแยกตัวไปแผ่ออกเป็นใบว่านแบบธรรมดา การแตกตัวของหัวว่านจะแตกตัวในทางข้าง ลำต้นใหญ่ขึ้นสูงจากพื้นประมาณหนึ่งคืบ แล้วแตกใบออกรอบลำต้น

คุณประโยชน์ เป็นสิริมงคลแก่สถานที่ปลูก หากออกดอกเมื่อใดเจ้าของจะมีลาภผลเป็นพิเศษ ว่านนี้ออกดอกยากมาก นาน ๆ จึงจะมีดอกสักครั้งหนึ่ง เมื่อใดเห็นดอกก็เตรียมตัวรับทรัพย์ได้เคยเห็นผลมาแล้วแต่โบราณ

3. ว่านพญากระบือ

ลักษณะ หัวดั่งกลอยจืด แต่มีขนาดเล็กกว่ากัน เพียงแต่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกันเท่านั้น เนื้อในสีเหลืองเข้ม ขอบนอกเป็นสีขาว มีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นไม้จันทน์ ใบเป็นริ้ว ๆ ดอกแลต้นหอมตลอดเช่นเดียวกับหัวว่าน

คุณประโยชน์ นำมาซึ่งกระแสแห่งความสมบูรณ์พูนสุข เหมือนพระโคพบทุ่งหญ้าอ่อนอันอุดม ว่านนี้ยังมีสรรพคุณเป็นว่านเสี่ยงทายชนิดหนึ่ง หากว่านต้นนี้เจริญงอกงามสดใส ก็จะหมายความว่าเจ้าของกำลังจะมีลาภ ยศ ตำแหน่งหน้าตามปรารถนา แต่ถ้าเหี่ยวเฉาโดยไร้สาเหตุ ให้รีบไปทำบุญสะเดาะเคราะห์โดยเร็ว

4. ว่านพุทธกวัก

ลักษณะ ใบเรียวและลำต้นสูง มีกาบหุ้มแต่โคนใบ ขนาดลำต้นเล็กกว่าขมิ้น หัวว่านสอดเกาะเกี่ยวกันเป็นกลุ่ม ขนาดของหัวว่านเล็กกว่าขมิ้นเช่นกัน เนื้อในมีสีเหลืองเข้มจัด มีกลิ่นหอมนิด ๆ

คุณประโยชน์ เป็นว่านประเภทกวักโชคลาภเข้าบ้าน พ่อค้าแม่ขายควรมีไว้ติดตัวหรือติดร้านค้าจะช่วยให้เงินกระเป๋าไม่ขาดมือ ซื้อง่ายขายคล่องกว่าปกติธรรมดา ทั้งยังเป็นมหามงคลคุ้มกันภยันตรายทั้งมวลได้อีกด้วยโดยเฉพาะเรื่องติดต่อเจรจาค้าขายยอดยิ่งนัก

5. ว่านมหาโชค

ลักษณะ ใบยาวเรียวเขียวเป็นมัน ก้านใบแข็ง หน้าใบมีร่องเป็นทาง ลำต้นยาวแข็งเช่นกันกับก้านใบ ต้นจะโผล่พ้นจากคอดินขึ้นมาสูง หัวกลม เนื้อในมีสีขาว ดอกมีสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ มักจะออกดอกหน้าหนาว ยิ่งอากาศเย็นจัดดอกยิ่งงามมาก จัดว่าเป็นไม้ประดับบ้านได้อีกโสดหนึ่งด้วย มักจะชอบขึ้นแข่งแซงกัน ควรสังเกตต้นใหม่ ๆ ที่งอกออกมา จะเห็นว่าเจริญรวดเร็วกว่าต้นเดิมหลายเท่า

คุณประโยชน์ เป็นว่านประเภทดลบันดาลโชคน้อยใหญ่อาหารการกินของฝากของแถมให้เจ้าของ หากบำรุงรักษาดี ๆ จะพบแต่เรืองเงินทองไหลมาเทมาดั่งน้ำหลาก แต่โบราณนิยมนำหัวว่านนี้มาบดทำเป็นแกะเป็นรูปนางกวัก เสกด้วยพระคาถาดังต่อไปนี้คือ “ อรหังลาภี จะลาภานัง ลาภะ สักกาโร ปูชิโต สัพเพเทวา สัพเพมนุสสา ปิยังรักขันตุมัง มนุสสาเทวา ภิปูชิโต อิติ “  1009 จบ ปรารถนาลาภใดใดให้ขอเอาจะได้สมปรารถนาทุกอย่างแต่ถ้าจะทำน้ำมันว่านมหาโชคต้องไปซื้อน้ำมันหอมให้ครบ ๓ เจ้า เขาบอกราคาเท่าใดไม่ต้องต่อตามราคา เพราะถือกันว่าจะเป็นการต่อตามโชคลาภที่จะมาหาเราเช่นเดียวกัน

6. ว่านมหาลาภ

ลักษณะ ใบคล้ายใบผักตบชวา แต่ก้านใบแบน และมีสีขาวตรงที่ร่องกาบใบ ใบกลมมนนิด ๆ และบาง มีสีเขียวเข้ม ตรงกลางใบมีร่องใหญ่ลึก ก้านใบมีช่วงสั้นดั่งก้านใบผักกาด ดอกมีสีแดงแสด มีขนาดเล็ก หัวว่านกลมคล้ายหอมใหญ่ มีเนื้อในสีขาวอ่อน

คุณประโยชน์ เป็นว่านนำลาภลอย ใช้ปลูกคู่กับว่านมหาโชค ถือเป็นว่านสิริมงคลคู่บารมีกันบ้านร้านค้าสถานที่ใดปลุกไว้ ตามเคล็ดมหาโชคอยู่ซ้ายประตูมหาลาภอยู่ขวาประตู จะนำมาแต่ความความเจริญร่ำรวยให้กับผู้บำรุงรักษา เป็นที่นิยมพ่อค้าวานิชมาแต่โบราณกาล

7. ว่านเศรษฐีขอดทรัพย์

ลักษณะ ต้นและใบคล้ายใบกุยช่าย แต่ใบบางและยาวกว่า และยอดใบม้วนเป็นวงเข้าหาต้น ถือกันว่ายิ่งขอดมากยิ่งดี มักจะขึ้นเป็นกอ ๆ อยู่รวมกัน การแยกหรือขยายพันธุ์ทำได้ง่ายมาก จัดว่าเป็นไม้ประดับชั้นดีได้อีกชนิดหนึ่ง

คุณประโยชน์ ว่านเมตตามหานิยม ดลใจให้คนเกิดความอยากให้อยากอุดหนุน เวลาค้าขายถ้ามีว่านนี้ติดตัวคนทั้งหลายจะเกิดความสงสารทำให้ช่วยซื้อช่วยอุดหนุน ขายดี ซื้อง่ายยิ่งนัก ว่านนี้สามารถเสี่ยงทายการค้าได้เป็นอย่างดีโดยที่ให้คอยสังเกตดู หากปีใดปลายว่านขอดมาก ๆ ก็หมายความว่าการค้าเกี่ยวกับผลประโยชน์ในปีนั้น ๆ จะได้ผลดีมากทีเดียว

8. ว่านพัดโบก ( โพธิ์ลังกา )

ลักษณะ ต้นและหัวคล้ายกับว่านเสน่ห์จันทน์มหาโพธิ์ แต่ก้านใบมีสีแดงเรื่อ ๆ ใบกลมรี ๆ ปลายมนหงายหน้ามีลักษณะเหมือนพัดโบก หรือจับก้านโบกเป็นพัด ดอกออกจากต้นเหมือนว่านเสน่ห์จันทน์ทั้งหลาย คือตูม ๆ คล้ายดอกจำปีก่อนบาน ขอบใบมีสีเหลือง ๆ ว่านต้นนี้หายากและถ้าจะซื้อหาราคาก็สูงอยู่เอาการ

คุณประโยชน์ เป็นว่านที่มีเทวดาประเภทชีปะขาวรักษาเป็นมหามงคลสูงมากแก่สถานที่ปลูกเลี้ยง หัวว่านและดอกมีอำนาจเมตตามหานิยมท่านใดเป็นเจ้าของให้บูชาให้ดีจะมีลาภอย่างมหาศาล พบแต่ความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ชีวิต หากท่านปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ท่านอธิษฐานด้วยคาถาว่า “ นะโมพุทธายะ นะชาลิติ ยะธาพุทโมนะ “หากสมใจตามคำอธิษฐานแล้วท่านต้องใส่บาตรพระจำนวน ๗ รูป แล้วกรวดน้ำไปให้เทวดาเจ้าของว่านด้วยเสมอจะทำให้ทรงพลานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป

9. ว่านไพรปลุกเสก ( ฤๅษีสร้าง )

ลักษณะ ต้น ก้าน ใบ หัว เหมือนไพรธรรมดาทุกอย่าง แตกต่างกันที่ใบพื้นเขียว มีทางขาวตลอด ใบคล้ายกับว่านข่าจืด ตามตำรากล่าวไว้ว่า ไพรชนิดนี้เป็นไพรที่พระฤๅษีท่านทำพิธีปลุกเสกแล้วจึงเกิดอานุภาพและอภินิหารเกิดขึ้นเอง ทำให้เกิดใบเป็นทางสีขาว ผิดแผกแตกต่างกว่าไพรธรรมดาเพื่อแสดงให้รู้ว่าเป็นว่านกายสิทธิ์

คุณประโยชน์ ว่านนี้มีกระแสคาถาอาคมทางลาภผล สมบูรณ์พูนสุขเจริญของพระฤๅษี จังตังกปิละสถิตอยู่ ดีทางมั่งคั่งสมบูรณ์เต็มไปด้วยโภคทรัพย์ และจะทำอะไรให้อธิษฐานขอด้วยหัวใจคาถา ฤๅษี รึลือ ลึหรือ 16 จบจะสำเร็จทุกประการ

10. ว่านภควัมบดี ( เศรษฐีใบพาย )

ลักษณะ ต้น เหมือนกวักแม่ทองใบ ใบใหญ่กว่าและใบเหมือนใบพายไม่แหลม หัวเหมือนหัวเหมือนหัวหอมหัวโต เป็นว่านให้หน่อยากมาก ในขบวนว่านเศรษฐีทั้งหลายแล้วถือว่าว่านต้นนี้เป็นที่สุด

คุณประโยชน์ ว่านต้นเป็นที่รักของเทวดา ใครมีไว้บูชาเทวดาจะรักษาผู้นั้นเป็นสิริมงคลยิ่งนัก สามารถนำโชคลาภ บันดามีให้แก่เจ้าของมีฐานะดีขึ้นยิ่ง ๆ ขึ้นกว่าเดิมสุขสมบูรณ์ตลอดไป

11. ว่านพญากาเผือก

ลักษณะ หัว ต้น และใบ คล้ายกับต้นบอนหรือบอนอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าบอนกระดาษ ใบแผ่กว้าง มีตะโพกและเอวใบ ที่พื้นใบสีเขียวแก่สลับเส้นและกระดูกกลางใบที่สีเขียวอ่อน ต้นลายเขียวอ่อนกับขาวเทา

คุณประโยชน์ ว่านนี้ดีทางโชคลาภและป้องกันภยันตรายโดยเฉพาะพวกคุณไสยได้ดียิ่งนัก มีไว้ใคร ๆก็รักก็เมตตาเวลาจะมีลาภมานกจะมาร้องรวมกันเพื่อเรียกโชคลาภให้มาสู่สถานร้านเรือนนั้นวิเศษยิ่ง

12. ว่านเศรษฐีหงษา

ลักษณะ หัวเป็นเหง้า และ ใบคล้ายกับว่านนางพญาหงษาวดีมาก คือ ลำต้นเป็นข้อ ๆ สีเขียว ก้านเป็นกาบหุ้มต้น ก้านยาวรูปทรงใบคล้ายว่านขันหมากป่า คือใหญ่กว้างและหนา หน้าใบเรียบเป็นมัน กระดูกกลางใบลึกเส้นใบเล็กไม่ชัดแล่นไปตามใบ กระดูกกลังนูนดอกตูมเป็นปลี เมื่อบานจะมองเห็นเกสรสีขาวโผล่ออกมา

คุณประโยชน์ ว่านนี้จะแตกต่างจากว่านโชคลาภประเภทอื่นตรงที่มีพลานุภาพดีทางอุดมยศถาบรรดาศักดิ์น้อยคนนักที่จะรู้หากข้าราชการท่านใดบูชาไว้ติดตัวจะช่วยเสริมวาสนาบารมีของท่านในตำแหน่งหน้าที่การงานให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปทีเดียว ดอกนำมาซึ่งมีโชคลาภและข่าวดี มีพร้อมทั้งอำนาจทางเสน่ห์เมตตามหานิยมชนิดครบเครื่องอีกด้วย

13. ว่านเงินไหลมา

ลักษณะ เป็นว่านวงศ์ถั่ว ต้นเป็นเถา แต่ถ้าตกแต่งจะดูคล้ายเป็นกอ แต่ส่วนมากแล้วเลื้อยเกาะตามรั้วหรือหลักเสา ที่เถาจะแตกเป็นข้อ ๆ ห่างกันประมาณ ๓ นิ้ว จะมีรากและก้านงอกออกมา ต้น ก้าน และใบ สีเขียว ก้านเดียวกันจะมีใบ ๓ ถึง ๕ แฉก แต่ส่วนมากแล้ว ๕ แฉก คล้ายพระเจ้า ๕ พระองค์เถา ใบกลางใหญ่ ทั้งสองข้างของใบกลางจะแยกออกข้างละ ๒ แฉก แต่เล็กกว่าใบกลางตามลำดับ กลางใบเป็นร่องสีเขียวนวลจนดูจะออกขาว และมีสีเขียวนวลแยกออกจากกระดูกเป็นเส้น ๆ เกือบจรดริมใบ ดอกสีขาวออกเป็นปลีเขียวก่อน

คุณประโยชน์ เป็นว่านสิริมงคลแก่สถานที่ปลูกเชื่อ ถือกันว่าช่วยสร้างกระแสชคมีลาภให้เงินทองไหลเข้ามาไม่ขาดสาย และคุ้มครองป้องกันบ้านเรือนมิให้เกิดอันตรายจากผีวิญญาณร้ายนอกจากนี้ใบของว่านใช้ขยี้กับสุราปิดตรงที่ถูกแมลงกัดต่อย จะช่วยถอนพิษได้เป็นอย่างดี

14. ว่านรางเงิน

ลักษณะ หัวคล้ายหัวหอมใหญ่ เนื้อในหัวเป็นสีขาว ใบคล้ายใบพลับพลึง แต่เล็กและสั้นกว่า พื้นใบเขียว ร่องกระดูกกลางใบเป็นสีขาว ปลายใบแหลมมน ดอก ขึ้นมาจากหัวในเป็นก้านยาวสูงพ้นช่อใบช่อหนึ่งอย่างมากไม่เกิน ๕ ถึง ๖ ดอก บานคล้ายดอกลำโพง เป็นสีขาวสลับชมพูอ่อน ๆ เหมือนว่านสี่ทิศ

คุณประโยชน์ เป็นว่านมงคลเต็มไปด้วยกระแสเมตตามหานิยมผู้คนศรัทธานำมาซึ่งเงินทอง โชคลาภสรรพคุณทางสมุนไพรใช้เป็นยารักษาฝีต่าง ๆ ได้ทุกชนิด โดยเอาหัวว่านโขลกกับสุรา 40 ดีกรี พอกหายที่หัวผีทุกวันฝียุบแน่นอนเคยได้ลองมาแล้ว

15. ว่านกวักนางพญาใหญ่

ลักษณะ ลำต้นเป็นกาบก้าน ใบใหญ่กว้างและยาวกว่ากวักพุทธเจ้าหลวง ลำก้านก็ยาวกว่าเช่น

เดียวกัน พื้นใบสีเขียวเข้มจัดเป็นมันดังสีใบผักตบชวา แต่ใบไม่ขรุขระ ปลายใบไม่แหลมงุ้มมากเหมือนกวักพุทธเจ้าหลวง กวักนางพญานี้ ถ้าเลี้ยงงามถึงขนาดแล้ว ความยาวของใบและก้านจะยาวประมาณ ๑ เมตร ความยาวของใบและก้านจะเท่ากันพอดีเมื่อหักทบกันดู เวลาออกดอกจะแทงก้านขึ้นจากกลางหัว ก้านเขียวจัดเป็นมัน เมื่อก้านดอกสูงพ้นเรือนต้นแล้ว ดอกจะเริ่มออก มีดอกตั้งแต่ ๑๐ ถึง ๑๕ ดอกขึ้นไป ดอกสีขาวเหมือนกวักพุทธเจ้าหลวง หัวเหมือนหัวหอมใหญ่เช่นเดียวกัน ว่านนี้บางแห่งอาจเรียกว่านกวักนกกระยาง

คุณประโยชน์ เป็นว่านตระกูลนำมาซึ่งยศอำนาจ เมตตามหานิยมสูงแก่คนทั่วไปใครมีไว้ผู้คนจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ฉะนั้นควรหาไว้ติดตัว

16. ว่านกวักนางพญาเล็ก

ลักษณะ ลำต้นเป็นกาบ ก้านยาวพ้นดินใบเล็กและบางกว่ากวักนางพญาใหญ่ พื้นใบเขียวเข้มแต่ใบสั้นกว่า ปลายใบไม่แหลมงุ้มมาก ดอกเหมือนกวักพุทธเจ้าหลวงทุกทอย่าง หัวเหมือนหอมใหญ่ บางท่านเรียกกวักใบพลู

คุณประโยชน์ ว่านต้นนี้เป็นว่านตระกูลสูงคุณสมบัติทำให้เจ้าของมีสง่าราศีมีทรงอำนาจมหานิยม นำโชคนำลาภเหมาะกับข้าราชการใช้ติดตัวคู่กับว่านนางพญากวักใหญ่ดีประเสริฐยิ่งทาที่จะเปรียบมิได้เลย

วิธีทำนำมันว่าน

ครั้นพบว่านทั้ง16อย่างแล้วท่านให้ไปทำพิธีกู้ว่านเอามาให้ครบเก็บเอามาแต่หัวและดอกนำมาเคี่ยวในหม้อน้ำมันอาถรรพณ์ อันประกอบด้วย

-      น้ำมันจันทน์อย่างดี 1ขวด

-
น้ำมันมะพร้าว 1 ขวด

-
น้ำมันงาดำ 1 ขวด

-
น้ำมันงาขาว 1 ขวด

-
น้ำมันแก้วครึ่งกิโลกรัม

( น้ำมันทั้ง 5 รายการนี้ต้องหาซื้อจากแม่ม่ายเท่านั้น ถ้าหาไม่ได้ให้หาซื้อจากสาวพรหมจารี )

-
น้ำมันตะเคียนตกน้ำมัน 1ขวด

-
น้ำมันช้างย้อย 1 ขวด

-
น้ำตาดุหยง(น้ำตาปลาพะยูน) 5 หยด

เมื่อได้ปรุงน้ำมันรวมกันแล้วท่านให้นำเอาหัวและดอกว่านตากแดดให้แห้งพร้อมน้ำมันให้ตากตอนเที่ยงวันของวันอาทิตย์เป็นวันแรกเรื่อยไปจนกว่าจะครบ 7 วันเพื่อให้ทั้งน้ำมันและว่านได้รับพลังของแสงอาทิตย์เป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยนำว่านและดอกมาโขลกใส่ผสมลงในน้ำมันอาถรรพณ์จากนั้นให้นำขึ้นอาบแสงจันทร์นับตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำจนถึง 15 ค่ำอีกครั้งเมื่อครบแล้วให้เลือกเอาวันที่มีฤกษ์งามยามดีให้ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเวลาเที่ยงคืนเป็นเวลาหุงน้ำมันว่านโดยให้ใช้ไม้รัก กับไม้ขนุน มาทำเป็นฟืนไม้โพธิ์เงินกับไม้โพธิ์ทองผูกติดกันโดยใช้เถาวัลย์หลงเป็นตัวผูกทำเป็นไม้พายกวน เวลาจะกวนให้เสกด้วยคาถาโสฬสมงคลจนกว่าน้ำมันจะเดือดดังต่อไปนี้

นะโม 3 จบ

โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมะตา จัตตาโร จะ มหาทีปา ปัญจะพุทธา มหามุนี ตรีปิฏะกะ ธัมมักขันธา ฉะกามาวะจะรา ตะถา ปัญจะทัสสะ กะเวสัจจัง นะสะมังสีละเมวะจะ เตรัสสะธุตังคาจะ ปาฏิหารัญจะ ทะวาทะสะ เอกะเมรุจะ สุราอัฏฐะ ทะเวจันทังสุริยัง สัคคา สัตตะโพชฌังคาเจวะ จุททัสสะจักกะวัตติจะ เอกาเทสะวิสะณุราชา สัพเพเทวา สะมาคะตา มัง รักขันตุ ปาละยันตุ สัพพะทา เอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ เม

เมื่อสำเร็จดีแล้วให้นำกลับมาปลุกเสกอีก 1,009 จบ 7 ครั้ง ด้วยบทพระคาถามหาลาภ 7 โบสถ์ถ้าให้ดีมาก ๆ ยิ่งขึ้นจะต้องไปทำพิธีเสกในโบสถ์ ให้ได้ 7 โบสถ์ด้วยกัน โดยแต่ละโบสถ์ให้ใช้พระคาถาดังนี้

โบสถ์ที่ 1. พระคาถาพระยาไก่แก้วกุกลูกตัวเมีย

เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะภุภู ภูภุตะกุ

โบสถ์ที่ 2. พระคาถาพระยาไก่แก้วตัวผู้  

กุกุกะกะ กะกะกุกุ  กิกุกกูกู กูกูกุกกิ สาทาเวยะ  ยะเวทาสา มิทิสินิ  นิสิทิมิ

เสกให้ได้ 1,009 จบ (ถ้าสมาธิดีดีไก่จะขันตลอดเวลา)

โบสถ์ที่ 3 พระคาถาหัวใจนางกวัก

โอมกวัก กวัก มหากวัก กวัก นะกวักเงิน โมกวักทอง พุทกวักข้าว ธากวักของ ยะกวักเงินทองด้วยโอมกวัก กวัก มหากวัก กวัก ทุสะมะนิ ธะนัง โภคัง  โภคัง ธะนัง มะนิทุสะ อมประสิทธิกวักสวาหะ

โบสถ์ที่ 4 พระคาถาเรียกลาภ

นะมามีมา มหาลาภา อิติพุทธัสสะ สุวัณณังวา รัชชะตังวา มณีวา วัตถังวา เอหิพุทธัสสะ นาโคนามะอาคัจฉายะอาคัจมาหิ มามีมามา นะมามีหัง

โบสถ์ที่ 5 พระคาถาหัวใจมหาเศรษฐี

อุอากะสะ นะชาลิติ ชาลิตินะ อากะสะอุ  กะสะอุอา ลิตินะชา ตินะชาลิ สะกะอุอา มหาลาภาภะวันตุเม

โบสถ์ที่ 6 พระคาถาหัวใจ แก้วมหาสิริ

นะโมพุทธายะ นะมะมะนะ มะนะนะมะ ยะธาพุทโมนะ นะชาลิติ

โบสถ์ที่ 7 พระคาถาพระสิวลีสะระคม

อิติปิโส สีวะลีจะมหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง สะระณังคัจฉามิ ทุติยัมปิ   อิติปิโส สีวะลีจะมหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง สะระณังคัจฉามิ ตะติยัมปิ  อิติปิโส สีวะลีจะมหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง สะระณังคัจฉามิ

เมื่อทำได้ครบ 7 โบสถ์แล้วอาจารย์เจ้าของตำราท่านสรุปเป็นคาถาว่า

น้ำมันพญากวักโภคทรัพย์นี้ใครติดไว้บูชาสารพัดเป็นที่รักที่บูชาของมนุษย์และเทวาตลอดไป ใครได้บูชาติดตัวไว้ ไปไหนมาไหน  ขึ้นรถลงเรือ ไปเหนือล่องใต้ สวัสดีมีชัย เกิดลาภ เกิดทาน

กล่าวให้ปรากฏอุปเท่ห์ปาฏิหาริย์ เกิดลาภบันดาลต่าง ๆ นา นา

บรรดาชายหญิง ทาตัวดีจริง ทาหน้าดียิ่ง มีผลานิสงค์ ผู้คน ร้อยแปดเกิดจิตคิดค้น ให้ประเสริฐเลิศล้น นำแต่ทางบุญ พบแล้วอย่างง  ไม่พบให้เร่งหา ผู้ใดไม่พบ บุญน้อยถอยถด เสียชาติเกิดมา มืดมนหนักหนา พบแล้วอย่ากลัว

บูชาประจำ เหมือนมีแก้วมณีอยู่บนหัว ผ่องแผ้วหมดทั่ว ลาภผลชักนำ  สิ่งใดปรารถนา บูชาเช้าค่ำ ประเสริฐเลิศล้ำลาภประมูลพูนมา

กันทั้งอุบาทว์จัญไร กันทั้งโจรภัย ปรากฏหนักหนา หมู่อริคิดเห็น วางเป็นอนัตตา มิคิดจะมา  ทำร้ายตัวเรา

บูชาที่หนึ่งทำเป็นประจำ  เกิดสวัสดีเช้าค่ำ มีลาภทุกประการ อาหารการกิน ปรีเปรมเกษมศานต์ สำเร็จสำราญ  กว่าทุก ๆ คน เจริญด้วย อายุ เตชะ วัณโณ บรมสุข ภิญโญ สมบัตินักหนา ข้างปลายเข้าวัย เฒ่าชะแรแก่ชรา มีสุขคณาตราบสิ้นวายปราณ

อนึ่งจะขายของ สินค้าโดยปอง จงเร่งผันผาย น้ำมันเทผสมเสกทำน้ำพรม โดยพลันสินค้า สารพัน เลื่องลือ พากันเข้ามา  ดีสุดคณาเทวดาอวยชัย   หากเกิดเป็นความ ขี้ผึ้งเสกน้ำ ล้างหน้า แต่งตน เลิศล้ำจรดล เดินไปไคลคลา ถึงตุลาศาล หยดน้ำมันตามแล้วย่างยาตรา กระทืบเท้าสามครา แปรกายบ่ายสู่ คู่ความครั่นคราม   เป่าอีก 3 ที คดีความนี้เกิดสวัสดีมีชัย

อนึ่งให้ เป็นเสน่ห์แก่หญิงแลชาย  น้ำมันทาหน้า วนปาก พาที เจรจาดียิ่ง  หญิงชายชอบจริงติดสอยห้อยตาม ผู้ใหญ่ เห็นหน้าเกิดความสงสาร รักสุดประมาณดุจบุตร ธิดา อีกท้าวพระยา สมณะชีพราหมณ์ หลงรักจนตาย รักเราเอาได้ ทุกสิ่งนานา ผู้ใดใครพบ เห็นดีเคารพ ให้เร่งบูชา ตราบต่อชีวิตอยู่สุขหนักหนา สวัสดีลาภเกินบรรยาย

วิธีใช้และคาถาบูชาเบ็ดเตร็ด

เมื่อจะนำใช้น้ำมันว่านพญากวักมหาโภคทรัพย์นี้ ท่านให้ถือใช้ฤกษ์ศุกร์เป็นวันแรกโดยถือว่าเป็นมงคลนามจะนำมาซึ่งความสุขตลอดไป จะให้เด่นทางใดก่อนใช้ทุกครั้งให้สวดคาถาข้างต้นก่อนบทใดบทหนึ่งหรือทั้งหมดอย่างละ1-3-5-7-9 จบ แล้วจึงค่อยอธิษฐานตามปรารถนาจึงนำมาทาตัวหรือปฏิบัติตาม อุปเท่ห์ต่าง ๆดังนี้

ถ้าจะให้คนรักให้ใช้น้ำมันนั้นเจิมหน้า ทาผม ทานมทั้งสองเต้า ทาปากและทาสิ่งที่ควรทา(เครื่องเพศ) ท่านว่าเป็นเสน่ห์อย่างเหลือร้าย คนรักบูชามิรู้จางเลย

                ถ้าจะให้ค้าขายดีใช้น้ำมันนี้ไปจุณเจิมหน้าบ้าน หน้าร้านหรือทาหน้า แผงลอย เป็นประจำหากมีรถให้ทาที่หน้ารถตรงฝากระโปรงหรือหยดน้ำมันลงในน้ำทำน้ำมนต์ พร้อมจุ่มปลายธูป จุดอธิษฐานปักหน้าร้านจะขายคล่องดียิ่งนัก

                ถ้าจะให้เป็นสาลิกาคาบสมบัติ พูดอะไรเป็นเงินเป็นทอง ผู้ชมและผู้ฟังชื่นชม ให้นำน้ำมันนี้ผสมลงในสีผึ้ง แล้วทาริมฝีปาก ไปพูดเจรจากับใคร ๆ จะทำให้เขาหลงคารมเราตลอด  โดยเฉพาะ พ่อค้าแม่ค้าหากได้ทาปากทุก วันจะค้าขายลื่น ไม่ติดขัด สารพัดเกิดลาภผล สมดังโบราณท่านเห็นค่ามหาศาลสุดประมาณบรรยาย

หลักการสวดคาถาเสกธูปปักหน้าร้าน

                คาถาเสกน้ำมันข้างต้นดียิ่งนักทางเรียกลาภผลให้เกิดแก่ร้านค้าทุกประเภท นิยมใช้คู่กับน้ำมันพญากวักโภคทรัพย์ หากใช้เป็นประจำจะร่ำรวยเพราะค้าขายดีตลอดไป ก่อนจะทำให้นำปลายธูป จำนวน 9 ดอก จุ่มที่น้ำมันสักเล็กน้อยพอเป็นเคล็ดแล้วให้ภาวนาพระคาถาข้างต้นบทใดบทหนึ่งตามกำลังวันเสียก่อนเมื่อครบแล้วให้อธิษฐานของภาผลความร่ำรวยแล้วปักหน้าร้านแต่ถ้าอยากร่ำรวยโดยเร็วถึงขั้นเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีต้องภาวนาทุกบทตามกำลังวันแล้วค่อยจุดปักหน้าหน้าทุกวันตลอดวันนั้นการค้าของท่านจะขายดีจนเห็นผลประจักษ์คาตาทีเดียว ดังนั้นถ้าอยากรวยเร็วๆก็ต้อง สวดให้ครบทุกบทจึงดีหลักการสวดคาถาตามกำลังวันดังนี้

                        วันอาทิตย์                              เสก          ๖             คาบ

                        วันจันทร์                                              เสก            ๑๕          คาบ

                วันอังคาร                                             เสก            ๘             คาบ

                        วันพุธ                                     เสก          ๑๗          คาบ

                วันพฤหัสบดี                          เสก          ๑๙           คาบ

                วันศุกร์                                   เสก          ๒๑          คาบ

                        วันเสาร์                                   เสก          ๑๐           คาบ

                พระคาถาต่าง ๆ ดังที่ได้พรรณนามานี้ยังมีอุปเท่ห์การใช้อีกมากแต่ถ้าจะให้กล่าวจบหมดเกรงว่าหน้ากระดาษจะยังไม่เพียงพอท่านใดปรารถนาอยากได้น้ำมันพญากวักโภคทรัพย์ที่ปู่หมอนาค เพชรแสงแก้วได้นำมาผสมในองค์ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารแล้ว กรุณาติดต่อขอบูชาได้ที่สาลิกาพระเครื่องทุกวัน

อุปเท่ห์ ตำรับวิธีบูชาขุนแผนมนตร์นางพรายกุมาร

ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารนี้ใครได้พบให้เร่งเก็บบูชาเถิด เอาไว้ให้ดี บุคคลผู้นั้นเหมือนได้แก้ว 7 ประการแม้ว่าเก็บไว้บูชาอยู่เรือนผู้ใดก็ดี จะมีแต่ศิริมงคล ผีร้ายเสนียดจัญไร ตลอดทั้งโรคาพยาธิทั้งปวง มิอาจย้ำกลายเลย

อนึ่งท่านให้เอาน้ำมันหอมที่แช่ขุนแผนมนตร์นางพรายกุมาร ไว้ทาตัว คงทนต่อศาตราวุธทั้งหลาย ทั้งปวง มิถูกต้องตัวเราเลย  น้ำมันนี้แม้เอามาทาศีรษะใส่ผมแล้วอธิษฐาน ให้เป็นเมตตา สารพัดบุคคลทั่วทั้งแผ่นดินเห็นเราแล้วรักเรายิ่งนักแล

ถ้าเขาจะเอาไปฆ่าเสีย จับเราไปจองจำเสีย ท่านให้ระลึกถึงคุณพระ คุณเจ้า และคุณบิดามารดา เถิดแล้วเอาขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารอมเข้าไว้ แล้วจึงเอาหมากคำหนึ่งเหน็บขื่อหลังคา คำหนึ่งเหน็บหลัง พลู 2 คำหมากอีกคำถวายพระ  แล้วภาวนาคาถาโสฬสมงคลอย่าได้ขาดปาก(ใช้ในกรณีที่ไม่มีพระอม )จึงย่องหนีออกมา ศัตรูมันเห็นหมาเป็นตัวเรา แล หนีรอดไปได้ แล

ถ้าเป็นคดีความจะให้ความนั้นสูญหายให้เอา แมลงมุมตายซากมา 3 ตัว กำไว้ในมือ เอาคาระหว่างนิ้วมือไว้ แล้วเอาขุนแผนมนตร์นางพรายกุมารวางลงฝ่ามือ เสกด้วย คาถาโสฬสมงคลตามกำลังวัน จึงให้ยืนแหงนขึ้นไปดูเมฆที่อยู่ตรงหน้าเรากลางอากาศ เอาลิ้นแทงเพดาน เพ่งดูเมฆนั้นพร้อมบริกรรม ภาวนาคาถาโสฬสมงคลเรื่อยไปจน กว่าเมฆนั้นจะลอยหายไปสุดตาจึงให้พนมมือ อธิษฐานจิตตามใจปรารถนา เนื้อความทั้งหลายสูญสิ้น แล

ใครมีคาถาบูชาขุนแผนมนต์นางพรายกุมารของพ่อปู่หมอนาคบ้างครับรบกวนหน่อยครับ
                ขอบคุณครับ