เมืองเสน่ห์กาหลง มหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม
Khalong Amulet
9123
42
ซ่อนแถบด้านข้าง

ประวัติคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

[คัดลอกลิงก์]


ประวัติและปฏิปทาของ
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม


วัดอาวุธวิกสิตาราม แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร


คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ท่านมีกำเนิดในครอบครัวซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากจน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 4 ปีมะเมีย ขึ้น 15 ค่ำ
เวลา 11.20 น. ตรงกับวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2437
มีบิดาชื่อนายยิ้ม กลิ่นผกา มีมารดาชื่อ นางสงวน กลิ่นผกา สถานที่เกิดอยู่ในคลองสามวา อำเภอมีนบุรี กรุงเทพฯ
ต่อมาบิดามารดาของท่าน ได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลบางปะกอก ราษฏร์บูรณะ ธนบุรี อยู่ในละแวกบ้านชาวสวนและมีอาชีพเป็นชาวสวน

ชีวิตในวัยเยาว์ของคุณแม่บุญเรือน ปรากฏตามคำบอกเล่าของผู้ที่ใกล้ชิดว่า ท่านเป็นผู้ที่ได้รับความรักความทะนุถนอมจากบิดา
มารดาเป็นอันมาก ท่านได้รับการศึกษาวิชาความรู้ในภาษาไทยพออ่านออกเขียนได้ พอเหมาะสมกับชีวิตชาวสวนในยุคสมัยนั้น
ท่านได้รับการอบรมบ่มนิสัย ให้เป็นผู้มีความรอบรู้และสามารถในการทำหน้าที่แม่บ้านแม่เรือนได้อย่างดี

เมื่อคุณแม่บุญเรือนอายุได้ 15 ปีเศษ ซึ่งเป็นวัยรุ่นสาว บิดามารดาได้สนับสนุนวิชาการนวดเพื่อบำบัด ปรากฏว่าคุณแม่บุญเรือน
มีความสนใจในวิชาหมอนวดนี้มาก จนในที่สุดท่านก็ได้รับ "การครอบครูวิชาหมอนวด" จากปู่ของท่านมีชื่อว่า "อาจารย์กลิ่น"
อาจารย์กลิ่นได้มอบตำราหมอนวดให้เป็นสมบัติสืบทอดต่อไป จากนั้นอาจารย์กลิ่นได้แยกนิวาสถานไปบำเพ็ญภาวนาอยู่ในที่
วิเวกแห่งหนึ่งในสวนตำบลบางปะกอกนั่นเอง อาจารย์กลิ่นผู้นี้เป็นหมอนวดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น

คุณแม่บุญเรือน ได้ตั้งใจศึกษาวิชานวดจากตำราของอาจารย์กลิ่นจนมีความชำนิชำนาญ และได้ใช้วิชาหมอนวดช่วยบำบัดโรค
ภัยไข้เจ็บให้ชาวบ้านทุกชั้นวรรณะ โดยไม่ยอมรับเงินค่าจ้างหรือสิ่งของตอบแทนแต่อย่างใด ทำให้ด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา
กรุณาเป็นที่ตั้ง จึงปรากฏว่าคุณแม่บุญเรือน กลายเป็นหมอนวดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว และนวดด้วยวิธีที่ถูกต้องแม่นยำตาม
ตำราไม่ผิดพลาด ทำให้ผู้ถูกนวดหายจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นที่ปลาบปลื้มปิติกันทั่วหน้า การนวดทุกครั้ง คุณแม่บุญเรือน จะแนะ
นำให้ผู้รับการนวดทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่อาจารย์กลิ่น ปู่ของท่านเสมอ


คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกาผู้มีพลังจิตมหัศจรรย์


คุณแม่บุญเรือนได้รับการสั่งสอนให้รู้จักธรรมะในพระพุทธศาสนาจาก “หลวงตาพริ้ง” ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดบางปะกอก ผู้มีศักดิ์เป็นลุง ของท่าน เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น จนทำให้คุณแม่บุญเรือนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ฝักใฝ่ในบุญกุศล หมั่นเพียรในทางธรรมตลอดมา

เมื่อมีอายุในวัยครองเรือน คุณแม่บุญเรือนได้สมรสกับสิบตำรวจโทจ้อย โตงบุญเติม แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ภายหลังจึงรับเด็กหญิงมาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง ตั้งชื่อว่าอุไร ขณะเดียวกันคุณแม่บุญเรือน ก็ยังมีโอกาสได้ปฏิบัติและศึกษาธรรมมากขึ้น โดยมีท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระรัชชมงคลมุนี” เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) เป็นพระอาจารย์สอนสมถะวิปัสสนากรรมฐานให้



   พระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก)

ท่านเป็นผู้นำในการจัดตั้งคณะผู้ร่วมบุญในนาม “คณะสามัคคีวิสุทธิ” ซึ่งช่วยเหลืองานบุญงานกุศลต่างๆ ตลอดจน รักษาโรคภัยไข้เจ็บนานัปการด้วยอำนาจพระพุทธคุณแก่ทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่ และยึดถือหลักการบริจาคและการให้เป็นหลักสำคัญ ในที่สุดจนกระทั่งปี พ.ศ. 2470 ท่านก็เข้าสู่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มตัวโดยการบวชชี โดยได้ลาสามีเพื่อมาบวชชีที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วลาสึกไป และเมื่อสามีถึงแก่กรรมแล้ว จึงมีศรัทธากลับมาบวชชีอีกในปี พ.ศ. 2482



บรรลุธรรม
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับพระรูปหนึ่ง (หลวงตาสุวรรณ) อันมีนัยยะอันสำคัญตอนหนึ่งว่า “ตั้งใจจะขอปฎิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90 วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ 89 ก็ยังไม่สำเร็จธรรมหรือเห็นธรรมแต่ประการใด จึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามี ซึ่งได้ทักมาว่า “กลับมาแล้วหรือ ? เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่บ้านเถิด...”

คุณแม่บุญเรือนจึงว่า “เมื่อจะให้อยู่บ้าน ก็ขอให้โยมจ้อยถือศีล 8 เลิกยุ่งเกี่ยวฉันสามีภรรยาจะได้ไหม ?” สิบตำรวจโทจ้อยก็รับคำ จากนั้นสิบตำรวจโทจ้อย ก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่บ้านคงเหลือแต่โยมมารดาของคุณแม่บุญเรือน และหลานๆ 2-3 คน คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา เดือน 6 ขึ้น 14 ค่ำ ปี พ.ศ. 2470

จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรน ส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆ รู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้นทีเดียวว่า “เออ.....สังขารร่างกายนี้ ถึงแม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีเวทนาผุดซ้อนขึ้นมาอีกนะนี่...”

ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือน ก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี 2 ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า “ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย” น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้น บังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณ รู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย

ล่องหนหายตัว

จากนั้น เมื่อคุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนกระทั่งเวลาใกล้ตี 5 รุ่งเช้า ได้คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งศาลานี้เป็นที่อยู่ของแม่ชีนักปฏิบัติธรรม คุณแม่เองก็เคยอาศัยบำเพ็ญธรรมที่ศาลานี้

พอสิ้นอธิษฐาน แล้วหลับตาลง ก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้า คล้ายกับตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าตัวเองได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าเข้าศาลามาทางไหน และที่บ้านพักตำรวจกับศาลาวัดสัมพันธวงศ์ก็ไกลกันพอสมควร ขณะนั้น ประตูศาลาวัดยังคงปิดใส่กุญแจอยู่ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ร้องเรียกให้พระภิกษุสามเณรซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น ช่วยไขกุญแจเปิดประตูให้ที

การล่องหนหายตัวจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เป็นผลจากการปฏิบัติทางจิตจนได้ “อภิญญา” เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัด แพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกอุบาสิกาต่างก็มารุมล้อม โจษจันกันเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นอัศจรรย์ใจอย่างเหลือที่จะกล่าวได้ไปตามๆ กัน จนความนี้ได้ทราบถึง ท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระรัชชมงคลมุนี” เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) พระอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานให้คุณแม่บุญเรือนเอง

ท่านจึงให้เชิญคุณแม่บุญเรือนไปสอบถาม และขอให้คุณแม่บุญเรือนแสดงปาฏิหาริย์หายตัวเข้ามาอยู่ในศาลาวัดให้เป็นที่แจ้งประจักษ์อีกครั้ง ซึ่งคุณแม่บุญเรือนก็ตอบรับ ขอทดลองดูอีกครั้งในเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน คืนนั้นตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6  แม่ชีฟักเพื่อนปฏิบัติธรรม พักอยู่เป็นประจำที่ศาลานี้ ให้แม่ชีผู้อยู่ศาลาอีก 3 คนดูแลปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้เรียบร้อยอย่างแน่นหนา และดูให้รู้เห็นเป็นพยานด้วย คืนนั้นปรากฏว่าที่วัดสัมพันธวงศ์ก็เกิดการโกลาหลอลหม่านคึกคักตื่นเต้นกันน่าดู มีการจัดยามเฝ้าที่ประตูวัดทุกๆ ด้าน ถึงประตูละสองคน และมีการเดินสำรวจรอบศาลาวัดกันให้ขวักไขว่ทั้งคืน ชนิดมดแมงสักตัวเดินผ่านมา ก็ยากจะรอดพ้นสายตาไปได้

ส่วนที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน คุณแม่บุญเรือนได้เข้าไปเจริญพระกรรมฐานตั้งแต่หัวค่ำ จนใกล้รุ่ง จึงอธิษฐานให้หายวับจากบ้านพัก เข้าไปปรากฏตัวในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ได้เช่นเดียวกับคราวก่อน แต่คราวนี้ไม่มีลีลาอาการหกคว่ำคะมำหงายเหมือนคราวแรก นั่นคือพออธิษฐานเสร็จแล้วหลับตาลง พอลืมตาปั๊บ ตัวของคุณแม่บุญเรือนก็มานั่งเรียบร้อยอยู่ในศาลาทันที

เมื่อคุณแม่บุญเรือนปาฏิหาริย์มานั่งในศาลาเสร็จ สิ่งแรกที่หูได้ผัสสะกับเสียงที่มากระทบก็คือ เสียงอุบาสิกาคุยกันว่า “จะแจ้ง (สว่าง) แล้ว น่ากลัวไม่มาแล้วมั๊ง ” ส่วนอีกรายก็ว่า “ไม่มาก็ดี...ถ้ามา...ฉันจะต้องไปเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิชากับเขาอีก ”

เมื่อได้ฟังคำกล่าวเช่นนั้น คุณแม่บุญเรือนจึงร้องออกไปในทันใดว่า “เอ้า..! ใครอยากจะเป็นลูกศิษย์ฉัน...เชิญทางนี้...ฉันมาแล้ว !”

พวกที่คอยอยู่ก็แปลกใจ และแน่ใจว่าหายตัวผ่านเข้ามาได้จริงๆ และมองเห็นผลสำเร็จทางสมาธิที่มีแก่ผู้ปฏิบัติด้วยวิริยอุตสาหะ ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และได้รับพระธาตุ 1 องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ เป็นพยานแก่ตัวท่านเองว่ามิได้ฝันไป

หูทิพย์  

อภิญญาในด้านหูทิพย์ของคุณแม่บุญเรือนนี้ มีบันทึกของคุณหญิงเงียบ บุนนาค เขียนไว้ว่า ครั้งหนึ่งคุณแม่บุญเรือน ไปรักษาโรคขาบวมให้น้องสาวคุณหญิงเงียบ บุนนาค ข้างวัดอนงคาราม ธนบุรี ตอนขากลับ น้องสาวคุณหญิงเงียบมอบค่ารถให้ 20 บาท คืนวันนั้นสามีของน้องสาวคุณหญิงกลับบ้าน ทราบว่าภรรยาจ่ายเงินค่ารถให้คุณแม่บุญเรือน 20 บาท (สมัยเงินแพง) เขาเอะอะว่า คุณแม่บุญเรือนเป็นหมอไม่จริง หลอกเอาสตางค์

พอรุ่งเช้า 6 โมงเศษ คุณแม่บุญเรือนไปถึงบ้านน้องสาวคุณหญิง ข้างวัดอนงค์ นำเงิน 20 บาท ไปคืนให้ บอกว่า “เป็นเงินของคุณผู้ชายเขา ดิฉันคืนให้ ดิฉันไม่โกรธคุณหรอก คุณต้องรับเงินนี้ไว้” นี่แสดงว่าคุณแม่บุญเรือนหูทิพย์ ได้ยินคำพูดของสามีน้องสาวคุณหญิงเงียบ พร้อมทั้งรู้วาระจิตของคนพูด ว่าหมายถึงตัวคุณแม่บุญเรือนที่ไปรักษาขาบวม คุณแม่จึงรีบนำเงินไปคืนให้ เพื่อรักษาน้ำใจของน้องสาวคุณหญิงและสามีมิให้ขุ่นข้องหมองใจ

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นผู้มีจิตอันเป็นกุศลอย่างยิ่ง นอกจากนั้นท่านยังใช้จิตอันมหัศจรรย์ของท่าน ในการอธิษฐานเพื่อช่วยคนในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาโรคภัยต่างๆ จนหายขาด ดังเรื่องราวที่มีผู้บันทึกไว้ในหนังสือ “คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อนุสรณ์”


         รูปหล่อคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม


รักษาด้วยวาจาสิทธิ์

เป็นบันทึกของนายจำรัส สุขประเสริฐ อยู่ จ.อุดรธานี มีใจความว่า “อุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม เดินทางโดยขบวนรถไฟด่วนถึง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2496 เวลา 07.15 น. ก่อนหน้ารถไฟด่วนจะเทียบเข้าชานสถานีประมาณ 20 นาที ได้มีหมอกลงที่สถานีรถไฟและบริเวณตัวเมืองอุดรธานีหนามืดไปหมด อยู่ห่างกันประมาณ 10 วา ยังแลไม่เห็นกันเลย รถยนต์วิ่งตามถนนต้องเปิดไฟ หมอกหนามืดเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย พอรถไฟถึงสถานีประมาณ 10 นาที หมอกก็ค่อยๆ จากหายไป ชาวอุดรธานีต่างพิศวงงงงวย ต่างโจษจันกันต่างๆ นานา เมื่ออุบาสิกาบุญเรือน ลงรถไฟแล้ว มีผู้คนไปรับเป็นจำนวนมาก

อุบาสิกาบุญเรือนได้พักที่บ้านผม ค่ำของวันนี้ได้มีผู้มาหาเป็นจำนวนมาก นายครรชิต สกลคลัง พนักงานธนาคารกสิกรไทยได้มาหา และบอกกับอุบาสิกาบุญเรือนว่า ตัวเขาป่วยเป็นโรคปวดท้องมาเป็นเวลานาน เวลานี้ก็ยังปวดอยู่ได้รักษาตัวหมดเงินมากมายแล้ว อุบาสิกาบุญเรือนได้ฟังจึงสั่งในขณะนั้นว่า “อย่าปวด ให้หายปวดเดี๋ยวนี้” แล้วอุบาสิกาบุญเรือนก็ถามนายครรชิตว่า “หายปวดหรือยัง ?” นายครรชิตตอบว่า “หายปวดแล้ว” อุบาสิกาบุญเรือนจึงสั่งว่า “คืนวันนี้อย่าปวด” (เพราะนายครรชิตบอกว่ากลางคืนปวดแทบไม่ได้นอนทุกคืน)

ครั้นรุ่งเช้า นายครรชิตมาบอกอุบาสิกาบุญเรือนว่า เมื่อคืนนี้ไม่ปวดเลย นอนได้สบายตลอดคืน และในระหว่างที่อุบาสิกาบุญเรือนพักอยู่ที่ จ.อุดรธานี นี้ ตอนเช้าอุบาสิกาบุญเรือนได้ไปอธิษฐานจิต ให้พลังจิตแก่ประชาชนที่วัดโพธิสมภรณ์ทุกวัน มีประชาชนนำน้ำ ปูน ไพล พริกไทย สาคู มาให้อุบาสิกาบุญเรือนอธิษฐานจิตอย่างคับคั่งทุกวัน

มีคนหลังโกงคนหนึ่ง เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำได้มาหาอุบาสิกาบุญเรือนขอให้รักษา อุบาสิกาบุญเรือนได้ออกคำสั่งต่อหน้าประชาชนจำนวนมากว่า “ให้ทิ้งไม้เท้า !” ชายหลังโกงคนนั้นก็ขว้างไม้เท้าทิ้ง อุบาสิกาบุญเรือนจึงสั่งต่อไปให้ยืนตรงๆ ชายหลังโกงก็ค่อยๆ ยืดตัวและยืนตัวตรงได้ แล้วอุบาสิกาบุญเรือนก็สั่งให้ออกเดินและวิ่ง ชายคนนั้นก็วิ่งได้ เลยหายเป็นปรกติ เดินกลับบ้านได้เช่นคนดีๆ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์

รักษานิ่วในถุงน้ำดี

ม.ร.ว.ไกรเทพ เทวกุล บันทึกไว้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2494 ข้าพเจ้าป่วยมีอาการแน่นจุกเสียดทุกเดือน บางที 2 ถึง 3 เดือนต่อครั้ง ครั้นถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2495 รู้สึกว่าอาการเช่นนี้มีมากขึ้นจนทนแทบไม่ได้ เช่นหายใจไม่ออก ข้าพเจ้าจึงได้ไปปรึกษาแพทย์ปริญญาที่ข้างบ้าน นายแพทย์ผู้นั้นได้ฉีดยาและให้ยารับประทาน อาการก็ค่อยทุเลา ต่อมาจากนั้น 2 ถึง 3 วันก็เป็นอีก นายแพทย์ผู้นั้นแนะนำว่าควรไปเอกซเรย์ดู เพราะสงสัยในอาการนั้นคงเนื่องมาจากถุงน้ำดีอักเสบ ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติตาม ปรากฏตามฟิล์มเอกซเรย์โดยนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแผนกนี้ ลงความเห็นว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี แนะนำให้ทำการผ่าตัดทันที

ข้าพเจ้าได้มาปรึกษาคุณป้าบุญเรือนถึงอาการเจ็บป่วย คุณป้าได้เอ็ดข้าพเจ้ามากมายว่า ทำไมไม่มาปรึกษาฉันตั้งแต่แรก ถ้าอยากตายก็เชิญไปผ่าได้ คุณป้าจึงให้ข้าพเจ้ารับประทานไพล และน้ำอธิษฐาน กับทั้งได้ให้ปูนอธิษฐานไปทาตามบริเวณหน้าอกและท้อง เว้นวันสองวัน ท่านก็นวดให้ข้าพเจ้าหนหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด อาการก็ค่อยทุเลาและหายภายในเดือนนั้นเอง

คุณป้าบุญเรือนให้ไปฉายเอกซเรย์ดูใหม่ ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติตาม กับได้นำฟิล์มทั้งเก่าและใหม่มาเทียบกันดู ปรากฏว่าในแผ่นแรกมีวงกลมสีขาวประมาณเท่าเหรียญสองสลึง ส่วนในแผ่นเอกซเรย์ทีหลังไม่มี นายแพทย์บอกว่าในบริเวณถุงน้ำดีไม่มีก้อนนิ่วแล้ว


ยาวิเศษ

พลตรียุทธ สมบูรณ์ บันทึกไว้ว่า บางท่านที่มาทำความรู้จักกับคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มักจะเรียกท่านว่า คุณแม่หมอ คุณยายหมอ หรือคำอื่นๆ ลงท้ายว่า “หมอ” แต่คุณแม่บุญเรือนไม่เคยรับหรืออวดอ้างว่าท่านเป็นหมอแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ดีชื่อเสียงของคุณแม่บุญเรือนก็หอมไปทั่วประเทศไทยในฐานะผู้วิเศษ ก็เพราะท่านอธิษฐานวัตถุสิ่งของต่างๆ ให้เป็นยารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด

คุณหมอปรีดา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระประแดง ทำยาผงแก้โรคผิวหนังออกจำหน่ายด้วยตัวยาที่คุณแม่บุญเรือนเป็นผู้บอกให้ ตัวยาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชื่อภาษาอังกฤษ ไม่ทราบว่าคุณแม่บุญเรือนไปทราบมาได้อย่างไร เพราะการศึกษาของคุณแม่ก็เพียงอ่านออกเขียนได้ นอกจากนั้นคุณหมอปรีดายังได้ตำรายาอีกอย่างหนึ่งคือ น้ำมันโพธิ์งาม ซึ่งคุณหมอปรีดาได้ผสมขาย ผมสีขาวใส่น้ำมันแล้วกลายเป็นสีเทาและเข้มขึ้นทุกที

ยาขนานที่ 3 คือ ยาสีฟันวิเศษนิยม ของโรงงานวิเศษนิยม ซึ่งเป็นยาสีฟันที่ทำรายได้อย่างดีตลอดมา...ยาสีฟันวิเศษนิยมนี้ “คุณแม่บุญเรือนก็เป็นผู้บอกตัวยาให้”



พระเครื่อง “พระพุทโธน้อย”


การสร้างวัตถุมงคล

ในวงการผู้นิยมสะสมวัตถุมงคล พระเครื่อง และเครื่องรางของขลัง คนส่วนใหญ่มักจะสนใจประวัติการสร้างวัตถุมงคลของพระเกจิอาจารย์รูปต่างๆ ขณะเดียวกัน ประวัติของฆราวาสจอมขมังเวทย์ก็เป็นที่สนใจอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าพูดถึงการสร้างวัตถุมงคลของอุบาสิกาหรือแม่ชีนั้น คนวงการพระเครื่องบางคนอาจจะรู้จักบ้าง ส่วนคนนอกวงการพระเครื่องอาจจะเกิดคำถามว่า “มีด้วยหรือ ?”

วัตถุมงคลที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อธิษฐานจิตมอบให้ลูกศิษย์ คือ ปฐวีธาตุหรือศิลาน้ำ (หินหรือกรวดใต้น้ำ) เพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีสรรพคุณครอบจักรวาล มีอานุภาพกันภัย รักษาโรคภัย ตลอดจนคุ้มครองรักษาผู้มีติดตัวไป ลูกศิษย์มักนิยมนำมาใส่ในภาชนะที่ตั้งน้ำอธิษฐานประจำวันเสาร์ และ ภาพถ่าย ซึ่งเป็นที่แสวงหาของคนวงการพระเครื่องยิ่งนัก นอกจากนี้แล้ว หนังสืออนุสรณ์ในงานบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็เป็นที่แสวงหาเช่นกัน

ส่วน “พระพุทโธน้อย” เป็นพระเครื่องขนาดเล็กที่ท่านสร้างขึ้นและอธิษฐานจิตให้ไว้แก่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ฝั่งธนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2496 เป็นพระพิมพ์แบบครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้า องค์พระประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นมุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ส่วนด้านหลังมีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึกอ่านว่า “พุทโธ”


ภาพถ่ายที่ระลึกงานศพคุณแม่บุญเรือน ณ วัดธาตุทอง พ.ศ. 2507


การวายชนม์ของคุณแม่บุญเรือน

คุณธรรมอันสูงส่งของ “คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม” อุบาสิกาผู้ใจบุญท่านนี้ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นผู้เสียสละ ชอบการทำบุญ ให้ทาน ไม่ยึดติดสะสมในทรัพย์สมบัติ มีแต่เป็นผู้ให้ตลอดมา และทั้งชีวิตท่านยังได้บำเพ็ญธรรมอย่างสม่ำเสมอตราบจนวาระสุดท้ายที่ท่านได้ จากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยโรคหัวใจ ไต และโลหิตจาง แม้จะมีลูกศิษย์ต้องการให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อโดยการอธิษฐานขอ แต่ท่านก็ไม่ทำ

ท่านบอกว่า “สังขาร ร่างกายและใจ หรือขันธ์ห้านี้ไม่ใช่ตัวของเรา มันเป็นเพียงเครื่องอยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น เป็นเรือนทุกข์ ท่านจึงต้องการออกจากเรือนทุกข์นี้”

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้วายชนม์ทิ้งร่างไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 เวลา 11.20 นาฬิกา สิริอายุรวม 70 ปี และได้มีการบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2507 ณ วัดธาตุทอง แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ คุณแม่บุญเรือน ท่านรู้สถานที่ วันและเวลาวายชนม์ทิ้งร่างไป โดยท่านให้ตั้งเวลานาฬิกาไว้ถึง 2 เรือนล่วงหน้า คือ 11.20 น.  (ตรงกับเวลาวายชนม์ทิ้งร่างไปจริงๆ)



ศาลาคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ตั้งแต่คุณแม่เสียชีวิตลง มีลูกศิษย์และคนที่มีจิตศรัทธา
มากราบไหว้และสวดมนต์ต่อหน้ารูปหล่อของท่านเป็นประจำทุกวัน

โดยเฉพาะในวันอาทิตย์
เวลา 12:00-14:00 น. จะมีมากกว่าทุกวัน เพราะเป็นวันที่ผู้มีจิตศรัทธามาร่วมกันสวดมนต์


ตัวเลขทั้ง 7 ในเบอร์มือถือ สามารถบ่งบอกนิสัยตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่ารอให้ชีวิตคุณดีก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเลขมือถือให้ดี คุณต้องเปลี่ยนเลขดีก่อน ชีวิตคุณถึงจะดี!! ตัวเลขเสียๆ มักดึงดูดพลังงานเสียๆ เข้ามาทำให้เราผิดหวังในชีวิต ตรงกันข้าม ตัวเลขดีๆ มักดึงดูดพลังงานด้านดีๆ เข้ามาในชีวิต ผนวกกับบุญกรรมเก่าของแต่ละคนว่าจะไปสุดที่ตรงไหน เลขบางตัวเหมาะกับคนหนึ่ง แต่เป็นเลขเสียกับอีกคนหนึ่ง ศาสตร์พลังงานเลขมือถือ บางส่วนอิงจากโหราศาสตร์ไทย บางส่วนมาจากการเก็บสถิติ ศาสตร์เลขมือถือต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ในการวางตัวเลขมือถือให้เหมาะสม หลายคนเมื่อทราบผลการวิเคราะห์เบอร์มือถือของตนแล้วว่า ดี ร้าย อย่างไร แต่ยังพร้อมยอมทนใช้อยู่ ไม่รู้ทำไม เหตุผลง่ายนิดเดียว "เพราะทุกคนมีกรรมเป็นของตน" เมื่อถึงเวลา ฟ้าจะเปิดทางให้ท่านเปิดใจรับเรื่องมงคลดีๆ เข้ามาเสริมความรุ่งเรืองชีวิตท่านเอง จงจำไว้ ดวงคนเลือกเบอร์มาใช้เอง เบอร์ใครเบอร์มัน ไม่ซ้ำกัน หากท่านศรัทธาในศาสตร์พลังตัวเลขแล้ว ขออย่าลังเล หรือสงสัย อย่ารีรอทนใช้เบอร์เสียๆ เพื่อดึงดูดเรื่องร้ายๆ มารอเพื่อส่งผลแล้วค่อยเปลี่ยนเบอร์มือถือ วันนี้ คุณมีทางเลือกใช้ชีวิตแบบติดเทอร์โบได้ มัวช้าอยู่ทำไม? บริการวิเคราะห์เบอร์มือถือ วางเลขมงคล เรื่องการงาน การเงิน ความรัก โทร 09ุ ุ42282289 LINE ID: cholvibul
tvxq โพสต์เมื่อ 6-7-2010 08:45 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากค่ะ ประวัติของท่านน่าสนใจและน่าตื่นเต้นมากทีเดียว
เรามีรูปถ่ายเล็กๆของท่านด้วย ได้รับแจกมา ไม่ทราบที่แล้ว...
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 16:56 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
สวดมนต์ของคุณแม่ฯ และระลึกถึงท่านอยู่ทุกวันครับ
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 18:14 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


รูปถ่ายคุณแม่บุญเรือน ตั้งบูชาไว้ที่บ้านครับ
 เจ้าของ| krabentongnam โพสต์เมื่อ 17-7-2010 19:02 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
มีของดีคู่ควรบูชา.........

ขอบคุณครับที่นำมาให้ชม
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 19:14 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
มีของดีคู่ควรบูชา.........

ขอบคุณครับที่นำมาให้ชม ...
ต้นฉบับโพสโดย krabentongnam เมื่อ 17-7-2010 19:02


ยินดีครับ

ผมเองไม่ทันท่านหรอกครับ คุณแม่เสียปี 2507
เมื่อก่อนผมจะไปร่วมสวดมนต์เป็นประจำที่ศาลาคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธฯ
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 19:15 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 19:21 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


รูปถ่ายคุณแม่บุญเรือน ที่วัดป่าเขมธัมโม จ.พิษณุโลก ซึ่งคุณป้านพรัตน์ ลูกศิษย์ใกล้ชิดคุณแม่ ไปสร้างไว้
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 19:34 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


รูปถ่ายคุณแม่บุญเรือน ที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 19:45 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


รูปที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง เป็นภาพของฟิล์มสุดท้าย 1 ม้วน (35 รูป)
ถ่ายเมื่อคุณแม่ไปเยี่ยม และอธิษฐานที่สถานีวิทยุกรมการรักษาดินแดน พ.ศ. 2494

ผู้ถ่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต 34 ภาพ ฟิล์มดำด่างหมดทุกภาพ
เมื่อเหลือฟิล์มภาพสุดท้าย จึงขออนุญาตถ่ายรูป ปรากฏติดชัดเจนดีมาก

ปกติการถ่ายรูปของคุณแม่ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะถ่ายไม่ติดเลย
Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 20:11 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
  

พระพุทโธองค์ใหญ่ ในโบสถ์วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง
เป็นพระพุทธรูปที่คุณแม่ นำชาวคณะสร้าง และทำพิธีอธิษฐานเป็นพิเศษ

พระพุทโธองค์นี้หล่อถึง 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกเกิดอุปสรรคต่างๆ หล่อไม่ติด
ในการหล่อครั้งที่ 3 คุณแม่บุญเรือนเป็นผู้หล่อถวาย ถึงสำเร็จลุล่วงด้วยดี

Jay โพสต์เมื่อ 17-7-2010 20:30 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง
 เจ้าของ| krabentongnam โพสต์เมื่อ 17-7-2010 20:41 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอขอบคุณ....คุณ jay ครับ

ขออนุโมทนา..สาธุ ครับ
Jay โพสต์เมื่อ 20-7-2010 23:40 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


รูปหล่อคุณแม่ ณ ศาลาคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธฯ...
Jay โพสต์เมื่อ 20-7-2010 23:48 | แสดงโพสต์ทั้งหมด


งานทำบุญ ณ ศาลาคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธฯ...
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครเป็นชาวเมืองเสน่ห์กาหลง

รายละเอียดเครดิต

ปิด

เว็บมาสเตอร์แนะนำย้อนกลับ /1 ถัดไป

รายชื่อผู้กระทำผิด|Archiver|Mobile|เมืองเสน่ห์กาหลง (Khalong Charming Town)

GMT+7, 13-5-2024 23:59 , Processed in 0.117347 second(s), 5 queries , File On.

Powered by Discuz! X3.4

© 2001-2017 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้