เมืองเสน่ห์กาหลง มหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม
Khalong Amulet
ซ่อนแถบด้านข้าง

แจกน้ำมันหนูดูดนมแมว ของคุณพ่ออาจารย์ชุม

[คัดลอกลิงก์]
suysakul โพสต์เมื่อ 1-2-2012 19:17 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ตัวเลขทั้ง 7 ในเบอร์มือถือ สามารถบ่งบอกนิสัยตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่ารอให้ชีวิตคุณดีก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเลขมือถือให้ดี คุณต้องเปลี่ยนเลขดีก่อน ชีวิตคุณถึงจะดี!! ตัวเลขเสียๆ มักดึงดูดพลังงานเสียๆ เข้ามาทำให้เราผิดหวังในชีวิต ตรงกันข้าม ตัวเลขดีๆ มักดึงดูดพลังงานด้านดีๆ เข้ามาในชีวิต ผนวกกับบุญกรรมเก่าของแต่ละคนว่าจะไปสุดที่ตรงไหน เลขบางตัวเหมาะกับคนหนึ่ง แต่เป็นเลขเสียกับอีกคนหนึ่ง ศาสตร์พลังงานเลขมือถือ บางส่วนอิงจากโหราศาสตร์ไทย บางส่วนมาจากการเก็บสถิติ ศาสตร์เลขมือถือต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ในการวางตัวเลขมือถือให้เหมาะสม หลายคนเมื่อทราบผลการวิเคราะห์เบอร์มือถือของตนแล้วว่า ดี ร้าย อย่างไร แต่ยังพร้อมยอมทนใช้อยู่ ไม่รู้ทำไม เหตุผลง่ายนิดเดียว "เพราะทุกคนมีกรรมเป็นของตน" เมื่อถึงเวลา ฟ้าจะเปิดทางให้ท่านเปิดใจรับเรื่องมงคลดีๆ เข้ามาเสริมความรุ่งเรืองชีวิตท่านเอง จงจำไว้ ดวงคนเลือกเบอร์มาใช้เอง เบอร์ใครเบอร์มัน ไม่ซ้ำกัน หากท่านศรัทธาในศาสตร์พลังตัวเลขแล้ว ขออย่าลังเล หรือสงสัย อย่ารีรอทนใช้เบอร์เสียๆ เพื่อดึงดูดเรื่องร้ายๆ มารอเพื่อส่งผลแล้วค่อยเปลี่ยนเบอร์มือถือ วันนี้ คุณมีทางเลือกใช้ชีวิตแบบติดเทอร์โบได้ มัวช้าอยู่ทำไม? บริการวิเคราะห์เบอร์มือถือ วางเลขมงคล เรื่องการงาน การเงิน ความรัก โทร 09ุ ุ42282289 LINE ID: cholvibul
บารมี โพสต์เมื่อ 9-2-2012 15:47 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
มีใครได้รับแจกแล้วบ้างครับ
top โพสต์เมื่อ 9-2-2012 23:59 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ไม่เห็นเเม้เเต่วิญญาณครับท่าน เฮ้ออออออ
บารมี โพสต์เมื่อ 10-2-2012 11:32 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
อดรับกันถ้วนหน้า
masako2012 โพสต์เมื่อ 10-2-2012 23:34 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ย้ายมาจาก สำนักเขาไชยสน จังหวัดพัทลุง
มาอยู่กรุงเทพ  ชื่อ สำนักกุญแจไสยศาสตร์ ที่บ้านสะพานควาย
ขอบคุณครับ รอรับของดี ฮิอิ
wawatep โพสต์เมื่อ 11-2-2012 10:53 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ตอบกลับ 95# masako2012


    คนแจกเขาหายเงียบไปพักนึงแล้วครับ เขาอดกันไปถ้วนหน้าแล้วครับท่าน กระทู้ที่นี่ควรอ่านทุกๆหน้าครับ เพราะมันคือชีวิตจริง....รอลุ้นของดีจากท่านอื่นๆในวันต่อๆไปนะครับ ที่นี่คนแจกจริงเยอะกว่า แต่ก็อาจมีบางคนเท่านั้นที่ไม่มีโอกาสได้กลับมาแจก อาจมีปัญหาในด้านต่างๆ....ขอให้โชคดีในรอบหน้านะครับ ลูกผู้ชายตัวจริงยังมีอีกเยอะครับ
suysakul โพสต์เมื่อ 11-2-2012 17:02 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
TenThai โพสต์เมื่อ 12-2-2012 13:13 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
kunpan88 โพสต์เมื่อ 17-2-2012 09:46 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ต้นตระกูลไชยคีรีคือ “ขุนไชยคีรี” นักรบคนสำคัญของเมืองพัทลุงในอดีต ขุนไชยคีรีเป็นศิษย์เขาอ้อที่มีวิชาอาคมขลังคนหนึ่ง อาจารย์ชุมเป็นหลานทวดของขุนไชยคีรี เหตุที่ชื่อว่า “ชุม” ก็เพราะท่านเกิดในระหว่างที่พ่อของท่านกำลังร่วมการประชุมผู้หลักผู้ใหญ่ของ เขาชัยสน พระอาจารย์คง วัดไชยมงคล ซึ่งมีความสนิมสนมชอบพอกับพ่อของอาจารย์ชุมจึงตั้งชื่อท่านว่า “ชุม”

อาจารย์ชุมได้เรียนวิชาอาคมจากพ่อของท่านตั้งแต่ยังเด็กๆ ท่านเรียนวิชาได้เร็ว ทำอะไรก็ขลัง มีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมจนได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้านตั้งแต่ยังหนุ่ม จนอายุครบบวชก็ได้ไปบวชที่วัดไชยมงคลกับพระอาจารย์คง อาจารย์ชุมหลังจากบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรม จนต่อมาท่านได้ไปที่พัทลุง ท่านจึงไปขออยู่ร่วมสำนักเขาอ้อ ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์เอียด วัดดอนศาลา โดยมีขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นผู้รับรองความประพฤติ อาจารย์ชุมได้รวบรวมตำราเขาอ้อที่กระจัดกระจายไปอยู่ยังที่ต่างๆ ในระหว่างบวชท่านได้รู้จักกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนและมีความเคารพซึ่งกันและกัน ต่อมาอาจารย์ชุมบวชอยู่ 15 พรรษา ลาสิกขาบทเมื่ออายุ 35 ปี และได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ยังคงติดต่อกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนอย่างสม่ำเสมอ ท่านได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัตถุมงคลของเขาอ้อหลายครั้ง และได้รับการยกย่องว่าเป็นฆราวาสผู้มีอาคมขลังมากผู้หนึ่ง ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพ และอยู่มาจนเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2525
ภายหลังตัดสินใจอยู่ครองเพศบรรพชิตต่อไปแล้ว พระภิกษุชุมก็ได้เข้าศึกษาทางด้านปริยัติเรียนนักธรรม จนสอบได้นักธรรมชั้นเอกและต่อมาได้เป็นนักเทศที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสำนวนการเทศน์ที่น่าสนใจ ชื่อเสียงของพระอาจารย์โด่งดังไปถึงจังหวัดพัทลุงถูก นิมนต์ให้ไปเทศน์อยู่บ่อยๆ

มีหลายครั้งที่พระอาจารย์ชุมได้ไปเทศน์ละแวะอำเภอควนขนุน จึงได้ติดตามความเคลื่อนไหวของสำนักเขาอ้อ ซึ่งอาจารย์ชุมทราบดีว่าตัวท่านเป็นเชื้อสายของสำนักนั้น แต่ตอนนั้นสำนักเขาอ้อกำลังเข้าสู่ภาวะทรุดโทรม ด้วยเหตุผลหนุนส่งหลายประการสำคัญที่สุดเลยก็คือบทบาทของวัดถูกลดลงเรียกได้ว่ากำลังเข้าสู่ยุคหัวเลี้ยวหัวตอในการเ ปลี่ยนค่านิยม และที่สำคัญเหตุผลหนุนนำอีกอย่างก็คือ ศิษย์ของสำนักเขาอ้อหลายคนไปมีชื่อเสียงทางด้านโจรผู ้าย เรื่องราวของสำนักเขาอ้อกำลังจะถูกลืม

ด้วยจิตสำนึกที่ว่าตนคือเลือดเนื้อเชื้อไขของสำนักที่ยิ่งใหญ่ในอดีตแห่งนี้ พระอาจารย์ชุมจึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้าและรวบรวมตำคาสำคัญๆ ของสำนักเขาอ้อ ซึ่งตอนนั้นกระจัดกระจายออกไปนอกสำนักมากไปอยู่ตามบ้านเรื่อนลูกศิษย์บ้าง ถูกเก็บไว้อย่างไม่ค่อยเห็นค่า อาจารย์ชุมตระหนักดีว่าหากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนั้น เรื่องราวสำนักเขาอ้อต้องสูญหายไปแน่นอน ท่านจึงได้เริ่มรวบรวมและนำตำราต่างๆ มาเรียบเรียงใหม่ เพื่อจะจารึกเรื่องราวของสำนักเขาอ้อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงต่อไปได้

ก็อย่างที่เรียนไปตั้งแต่ต้นแล้ว พระอาจารย์ชุมเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวดื้อไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แม้ท่านตัดสินใจเรียนไสยศษสตร์แม้เห็นผลแล้วครั้นคิด จะรวบรวมวิชาต่างๆ ของสำนักเขาอ้อให้เป็นที่เป็นทาง ท่านก็เลยต้องไปเรียนเองก่อนเรียกได้ว่าเรียนให้รู้ก่อนจึงจะเขียนตำราและทำอะไรอื่นได้ ท่านจึงได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์เอียด ปทุมสโรที่วัดดอนศาลา

แต่ตอนนั้นพระอาจารย์ชุมกำลังโด่งดังในฐษนะพระนักเทศ น์เป็นพระหนุ่มที่มีเสน่ห์มากบรรดาผู้แวดล้อมนั้นมีทั้งหญิงและชาย พระอาจารย์เอียด เห็นว่าไม่สู้จะเหมาะสมนักท่านจึงเฉยๆ ไม่ตอบรับเจตนารมณ์ของพระอาจารย์ชุม


พอดีระหว่างนั้น ทางสำนักเขาอ้อได้จัดพิธีกรรมสำคัญขึ้นอย่างหนึ่ง ซึ่งขาดหายไปนานแล้ว ใครได้ร่วมพิธีนั้นถือว่าเป็นโอกาสดีที่สุด เป็นมงคลอย่างยิ่งแก่ชีวิต ด้วยความตั้งใจจริงของพระอาจารย์ชุม จึงได้ติดต่อขอเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อในโอกาสนั้น แต่ก็ติดปัญหาที่พระอาจารย์เอียดได้ตั้งข้อสังเกตุไว้ บังเอิญว่าตอนนั้นพระอาจารย์ชุมได้ รู้จักกับศิษย์เอกของพระอาจารย์เอียดคนหนึ่ง คือขุนพันธรักษ์ราชเดช จึงได้เข้าทางขุนพันธ์

ตัวขุนพันธรักษ์ราชเดชเองเห็นความตั้งใจของพระอาจารย ์ชุม และทราบว่าท่านผู้นี้สติปัญญาดีหากได้มาช่วยกันงานฟื้นฟูสำนักเขาอ้อคงจะไปได้อย่างดี ท่านจึงได้เข้ารับรองกับพระอาจารย์เอียดว่า ท่านพระอาจารย์ชุมมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อได้ ความเคลือบแคลงที่พระอาจารย์เอียดมีนั้น ไม่มีมูลความจริง และพระอาจารย์ชุมก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามแนวทางของสำนักเขาอ้ออย่างไม่มีเงื่นไข


พระอาจารย์เอียดเห็นความตั้งใจของพระอาจารย์ชุม จึงได้รับไว้และให้เข้าร่วมพิธีมหาว่าน มหายันต์ ซึ่งนับว่า การตัดสินใจครั้งนั้นของพระอาจารย์เอียดส่งผลดีต่อสำนักเขาอ้อไม่น้อย นับเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาด เมื่อได้เข้าเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อแล้ว พระอาจารย์ชุมก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากท่านรวบรวมตำราต่างๆ ของสำนักเขาอ้อไว้มาก จึงได้ศึกษาจากตำราต่างๆเหล่านั้น มีอะไรติดขัดก็ศึกษากับพระอาจารย์เอียดบ้าง พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโมบ้างรวมตลอดถึงท่านอื่นๆที่เชี่ยวชาญในวิชานั้นๆ ทำให้การศึกษาของท่านก้าวหน้าไปอย่างดี

เพียงไม่นานท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่เชี่ยวชาญในวิทยาการต่างๆ ของสำนักเขาอ้อในระหว่างที่มาศึกษาอยู่ในสำนักเขาอ้อโดยผ่านทางวัดดอนศาลานั้น พระอาจารย์ชุมก็ไปสนิทสนมกับศิษย์เอกของพระอาจารย์เอียดอีกรูปหนึ่ง คือ พระอาจารย์คง สิริมโต เจ้าอาวาสวัดบ้านสวนท่านทั้งสองไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด จึงได้มีโอกาศทำพิธีร่วมกันหลายครั้งและต่างยอมรับใน วิชาของกันและกัน พระอาจารย์ชุมครองเพศบรรพชิตมาได้ 15 พรรษา เมื่อมีอายุได้ประมาณ 35 ปีท่านก็ตัดสินใจลาสิกขาแต่การลาสิขาของท่านนั้นลาสิกขาเพียงกาย ในใจยังเป็นนักบวชเต็มตัวเพียงแต่เปลี่ยนมาถือศีล 5 แทนพระวินัยเท่านั้น

ภายหลังลาสิขาแล้ว อาจารย์ชุมก็ได้พบรักกับหญิงสาวชาวพัทลุงคนหนึ่ง คือนางสาวบุญสืบ ซึ่งเป็นธิดาของสมุหบัญชีอำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ภายหลังจากดูใจกันระยะหนึ่งทั้งคู่ก็ตัดสินใจร่วมชีวิตคู่ และครองรักกันมาตลอด จนอาจารย์ชุมเสียชีวิตไปในปี พ.ศ. 2525 มีบุตรธิดาด้วยกัน5 คน

แม้ว่าลาสิกขาแล้วอาจารย์ชุมก็ยังไม่ละความสนใจในเรื่องไสยเวท ท่านยังศึกษาค้นคว้าอย่างกว้างขวาง เขียนตำราต่างๆ อย่างต่อเนื่องเรียกว่าขณะนั้นไม่มีใครมีความรู้ในเรื่ื่องสำนักเขาอ้อไปมากกว่าท่านผู้นี้ ท่านจึงได้รับการยอมรับในฐานะนักวิชาการของสำนักเขาอ้อ

ลาสิกขาแล้วอาจารย์ชุมยังไปมาหาสู่พระอาจารย์คงอย่าง ต่อเนื่องได้เข้าไปช่วยในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในฐษนะศิษย์ฆรวาส เพราะตอนนั้นศิษย์สายบรรพชิตที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ค ือพระอาจารย์คง ท่านทั้งสองทำงานคู่กันมาเหมือนกับบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ของสำนัก เหมือนกับที่อาจารย์นำเคยช่วยพระอาจารย์เอียด

และเนื่องจากตอนนั้นทางบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะการ เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทางความมั่นคงท่านทั้งสองจึงได้ เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประเทศชาติ เป็นต้นว่าได้สร้างวัตถุมงคลแจกทหารที่ออกไปสู้รบ ให้โอวาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักรบ ทำแบบเดียวกับที่บรรพบุรุษของอาจารย์ชุมคือขุนไชยคีรี เคยทำในการช่วยพระมหาช่วย เมื่อคราวต้านทัพพม่า เพียงอาจารย์ชุมไม่ได้ออกต้านศึกด้วยตัวเอง แต่ทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารหาญ

อาจารย์ชุมและภรรยาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินที่พัทลุงหลายปี ต่อมาก็ได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯโดยครั้งแรกมาอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของบรรดาศิษย์จา รย์ชุม จนต่อมาท่านก็ได้สร้างบ้านเรื่อนเป็นของตัวเอง และอยู่กรุงเทพฯเรื่อยมาจนกระทั่งเสียชีวิต

อาจารย์ชุมแม้ครองเพศฆรวาสแล้วท่านก็ไม่ละทิ้งวิถีชีวิตของนักบวชเรียกว่าท่านคงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ประกอบพิธีกรรมต่างๆเป็นภาระใหญ่ ส่วนการทำมาหาเลี้ยงครอบคร้วส่วนใหญ่ก็เป็นหน้าที่ของภรรยา ภายใต้การช่วยเหลือของบรรดาศิษย์ อาจารย์ชุมมักหาโอกาสออกไปปฏิบัติธรรมตามป่าเขาลำเนาถ้ำอยู่เสมอๆ นอกจากนั้นก็ทำหน้าที่ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ของสำนักเขาอ้อแก่บรรดาศิษย์ที่สนใจ

สำนัก "กุญแจไสยศาสตร์" สายเขาอ้อที่อาจารย์ชุมก่อตั้งยังคงถ่ายทอดวิชาอันเข้มขลังสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

พระผงบารมีพระบรมธาตุ ปี 2497

http://www.youtube.com/watch?v=C ... ;feature=plpp_video
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครเป็นชาวเมืองเสน่ห์กาหลง

รายละเอียดเครดิต

ปิด

เว็บมาสเตอร์แนะนำย้อนกลับ /1 ถัดไป

รายชื่อผู้กระทำผิด|Archiver|Mobile|เมืองเสน่ห์กาหลง (Khalong Charming Town)

GMT+7, 2-11-2024 23:21 , Processed in 0.118122 second(s), 6 queries , File On.

Powered by Discuz! X3.4

© 2001-2017 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้