แก้ไขล่าสุด Done เมื่อ 20-4-2011 11:52
เมื่อประมาณราวๆปีพ.ศ. ๒๕๔๙ ช่วงเวลาที่ชีวิตของผมประสบปัญหา
มรสุมเข้ามามากมายทั้งในเรื่องการงานที่ทำอยู่ก็เกิดขัดแย้งกันภายในจนเกือบ
ต้องออกจากงานหรือ ด้านความรักเรื่องคู่ครองในตอนนั้นดูเหมือนว่าผมจะหยิบจับ
หรือ จะลงมือทำอะไรในช่วงนี้มีความรู้สึกว่าจะมีอุปสรรคเกิดเรื่องเป็นปัญหาขึ้นมาตลอดแม้กระทั่ง
เพื่อนที่สนิทกันมากเรียนมาด้วยกันก็ต้องมีเหตุให้ืทะเลาะหมางใจกันทำให้ชีวิตตอนนั้นรู้สึกสับสนมาก
ถูกพักงานจากงานที่ทำอีก เวลาว่างก็ได้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องระบายความกลัดกลุ้ม
และในปีนี้เองสิ่งที่ทำให้ผมได้รับกำัลังใจลุกขึ้นสู้ชีวิตอีกครั้ง
คือการที่ผมได้พบ “ครู”
ผู้ที่มีความเป็นครูบาอาจารย์อย่างแท้จริง มีอยู่วันนึงผมเปิดเข้าไปเล่นเว็ปไซต์
เป็นเว็ปเกี่ยวกับ คาถา-อาคมซึ่งในเว็ปนี้จะมีผู้ที่มีความรู้มาแลกเปลี่ยนคาถาวิชาอาคม
และประสบการณ์กันมากมาย จนเป็นเหตุให้ผมได้ทำความรู้จักกับครูบาอาจารย์ท่านนึง
ซึ่งใช้นามแฝงว่า " ประมุขเตีย " ผมเข้าไปอ่านรายละเอียดในกระทู้ที่ท่านทำการโพสไว้ ทราบว่า
ท่านเมตตามอบวิชาอาคม ให้กับผู้ที่สนใจจะเรียนวิชาอาคมสาย ครูพราหมณ์ สุทโธ
โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆแม้แต่บาทเดียว
ผมจึงตัดสินใจลองติดต่อโทรศัพท์ไปคุยกับท่านท่านเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา
ไม่มีวางฟอร์ม ผมก็บอกท่านว่า ผมขอเรียนวิชาครูพราหมณ์สุทโธ ท่านก็บอกว่าจะเรียน
ก็ต้องเข้ามารับที่บ้าน พร้อมบอกให้นำดอกบัว ๑๐ ดอก ธูปเทียนเข้าไปรับทำการประสิทธิ์ประสาทวิชา
วันนั้นผมเข้าไปถึงช่วงเวลาประมาณ๑๑ โมง เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบเห็นอาจารย์ ท่านก็หยิบ
ตำราครูพราหมณ์ สุทโธ เล่มแรก ออกมาให้กับให้ผมดูพร้อมเล่าให้ฟังว่า
สมัยที่ท่านเดินทางไปเรียนวิชากับครูพราหมณ์นั้นตำราเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ท่านได้รับประสิทธิ์มาจาก
ครูพราหมณ์เมื่อปี ๒๕๒๐ ด้านหน้าของตำรามีตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือครูพราหมณ์ สุทโธ ว่า
“ พราหมณ์สุทโธ
สำนักพยากรณ์เทวพราหมณ์
ประสิทธิ์ให้ นายประวิทย์ เตียวิวัฒน์ “
แล้วมีแผ่นทองคำเปลวปิดบนชื่อของท่าน
ท่านอาจารย์ยื่นตำราเล่มนี้ให้ผมแล้วสั่งว่า
"เอ็งเดินไปถ่ายเอกสารมานะ..."
พูดเสร็จก็บอกตำแหน่งรายละเอียดร้านถ่ายเอกสารให้แก่ผม
พร้อมทั้งยังกำชับอีกว่า “..ให้เดินไปนะ ไม่ใช่นั่งรถ..รีบหน่อยเดี๋ยวต้องไปธุระ”
ผมรับตำราจากมือท่าน เวลาตอนนั้นก็ประมาณเที่ยงอากาศอบอ้าวร้อนนมากในวันนั้น
เมื่อถ่ายเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งกลับมาหาท่าน แดดร้อนมากจนเนื้อตัวเปียก
ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ท่านหันหน้ามามองผมแล้วพูดขึ้นว่า
'' เป็นไงบ้าง เหนื่อยมากไหม..ลำบากไหม..การจะเรียนวิชามันไม่ใช่จะสะดวกสบายเหมือนหยิบซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรอกนะ”
พอมาถึงตรงนี้ผมถึงบางอ้อเลยว่าระยะทางที่ผมเดินทางบ้านอาจารย์ไปร้านถ่ายเอกสาร
นั้นไปกลับร่วมสองกิโลพอคืนตำราต้นฉบับและตัวถ่ายเอกสารให้กับท่านท่านก็เขียนชื่อนามสกุล
ของผมเป็นผู้ได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาพร้อมทั้งส่งมอบรูปถ่ายให้๑ ใบ เป็นรูปชายสูงวัย
นุ่งขาวห่มขาวในมือถือลูกประคำ
ท่านบอกว่านี่ล่ะ“ ครูพราหมณ์ สุทโธ”
เวลาจะทำวิชาใดๆให้บอกกล่าวท่านก่อนเสมอจะทำให้วิชานั้นมีความศักสิทธิ์และเกิดความขลัง
ผมนั่งเปิดตำราดูคาถาในตำราซึ่งบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจก็ได้รับความเมตตาจากอาจารย์อธิบาย
ให้ผมได้เข้าใจในตำราของครูพราหมณ์ไม่ว่าจะเป็น คาถาเมตตา คาถามหานิยม เสกน้ำมันจันทร์
หรือวิชานั่งเทียนเรียกคนรักกลับท่านบอกเคล็ดลับที่ไม่มีจดอยู่ในตำราให้แก่ผมโดยไม่ปิดบังเหมือน
ท่านรู้ว่าผมประสบปัญหาแม้ว่าผมยังไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ท่านฟังก็ตาม
ท่านชี้แนะว่าต้องหมั่นท่องบ่นฝึกฝนจนชำนาญ
“กระทั่งหลับตาแล้วให้เห็นเป็นตัวคาถาเป็นใช้ได้”
อาจารย์ท่านนี้เป็นถ้าผมไม่บอกชื่อท่านผมคงเป็นคนอกตัญญุไม่รุ้คุณคน
เหมือนกับเป็นการโยนไฟลงน้ำทุกวันนี้ก่อนผมที่ผมจะก้มตัวลงนอนกราบหมอน๕ ครั้ง
ระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูอาจารย์ผู้ให้ความรู้แก่ผมคือ
ท่านอาจารย์ประมุขเตียหรืออาจารย์อ้วน
|