เคล็ด(ไม่)ลับของการใช้เครื่องราง...ของขลัง
แก้ไขล่าสุด cho เมื่อ 5-2-2010 21:11ช่วงเดือนหวานสีชมพู..วาเลนไทน์นี่ มีสมาชิกสาวสวยแวะเวียนเยี่ยมเยือนเมืองเสน่ห์กาหลงไม่ขาดสาย..ชื่นอกชื่นใจกระชุ่มกระชวยไม่เหงาเลย.. วันนี้เลยขอเขียนนำเรื่องราวการใช้เครื่องรางมาฝากสาวๆ ดีกว่าค่ะ.. เผื่อเจอหนุ่มใจดี..จะมาแบ่งปันเคล็ดไม่ลับในการใช้เครื่องรางในข้อที่ยังตกหล่นจากบทความนี้ค่ะ...
ขอบรรเลงเลยนะ..ไม่อิดออดเอื้อนเอ่ยให้มากความ..เนื้อๆ ได้ใจความ..
เคล็ดไม่ลับของการใช้เครื่องรางของขลัง..
๑. ศรัทธาต่อเครื่องราง ต่อครูบาอาจารย์เจ้าของวิชา แบบไม่ต้องลังเล สงสัย...
๒. ศึกษาพิธีบวงสรวงตามกรรมวิธีของเครื่องรางนั้นๆ พร้อมบริกรรมคาถาปลุกเสกเครื่องรางเป็นประจำ ตรงนี้ถือเป็นการสื่อเพื่อเชื่อมกับเครื่องรางนั้นๆ เพราะการสวดคาถาบูชานั้นเป็นเหมือนสะพานให้จิตเราเชื่อมต่อกับพลังงานลี้ลับในเครื่องรางนั้น
๓. ฝึกสมาธิ ถือเป็นการฝึกจิตให้นิ่ง เป็นหนึ่ง เพื่อความมีศักยภาพสูงในการส่งกระแสจิตอธิฐานจิตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๔. หมั่นทำบุญสร้างกุศล การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางดีเรื่องนี้เป็นสิ่งดี บุญไม่ถึงแต่ขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้นั่นนี่..ไม่น่าสัมฤทธิ์ผล การขาดคุณธรรม ไม่ตั้งใจทำความดี แต่ศรัทธาอยากมีเครื่องรางเพื่อยึดเหนี่ยวอย่างเดียวนั้น เหมือนเรื่องงมงายแบบไร้เหตุผล อย่างน้อยไสยศาสตร์จากเครื่องรางควรน้อมนำท่านเข้าสู่พุทธศาสตร์อย่างสมบูรณ์แบบในที่สุด
๕. ตั้งใจทำงาน ทุกคนมีปัญหาหมด ยามชอกช้ำพระธรรมเป็นที่พึ่ง.. ทำตัวเองให้ดีพอ เครื่องรางเสมือนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้มุ่งมั่นสู้ชีวิตต่อไป...หาใช่เป็นแกนหลักเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จ..
๖. รู้จักพอ.. คนไม่พอคือคนที่จนอยู่ตลอดเวลา
๗. อดทนทำความดีต่อไป แม้บางครั้งจะรู้สึกว่าเราทำดีแล้วทำไมไม่ได้ดี พึงสังวรณ์ไว้ว่า เราอาจกำลังรับผลกรรมชั่วในอดีตอยู่ เพราะกรรมดีที่เราทำนั้นยังไม่ได้แสดงผลในทันที แต่จะแสดงผลแน่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง การหยุดก็เป็นตัวหนึ่งในการไม่สร้างกรรมชั่วสะสม เช่น มีคนมาทำร้ายเรา หากเราคิดว่าหยุดไม่เอาคืน ก็ถือว่าไม่ได้เป็นการสร้างกรรมต่อ..และใช้ความเมตตาต่อศัตรู แผ่กุศลให้เขาให้เขามีความสุข..นี่หละ คือจุดสุดยอดของการได้พลังปาฎิหารย์จากเครื่องรางเสน่ห์ เมตตา พระเครื่อง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ...ไม่ใช่ใช้เครื่องรางเสน่ห์ แต่จิตใจคับแคบ ชอบริษยา ด่าว่าร้ายให้คนอื่น เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ร้อนรนหาเรื่องด่าว่าเขาให้มัวหมอง แบบนี้ก็เท่ากับว่า เราใช้เงินเราแปรสภาพเครื่องรางมหาเสน่ห์เป็นมหาเสนียด..ผู้คนเกลียดกลัว ขยะแขยงไม่อยากเข้าใกล้..
ผู้พกพาเครื่องรางของขลังย่อมได้อานิสงส์จากการพกพาไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้พลังอำนาจจากเครื่องรางของขลังนั้นมีส่วนทำให้จังหวะชีวิตดีขึ้น หรือไม่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีกว่าแน่นอน..
สรุปอีกทีว่า การหวังผลจากเครื่องรางของขลังนั้น อยู่ที่การประพฤติตัวของผู้ครอบครองเป็นหลัก ความศรัทธาต่อบูรพาจารย์เจ้าของวิชา การปฎิบัติตามคำแนะนำปฏิบัติ ท่องมนต์คาถา วิธีบูชา เหล่านี้คือวิถีแห่งพลังงานเพื่อสร้างปาฎิหารย์ของชีวิตท่าน..ไม่มากก็น้อย..
ช่ายครับ.....สิ่งทุกสิ่งมันไม่ได้เกิดมาจากจากความบังเอิญหรือความตั้งใจ..แต่มันอยู่ที่การกระทำของบุคคลนั้นและการทำบุญหรือดีเยอะๆนะครับ.... ท่านเจ้าเมือง นำสาระดีๆมาแบ่งปัน ขอบคุณหลายๆเด้อ :kiss::kiss: จังหวะ ของการทำความดี ย่อมส่งผลที่ดีเสมอ ขอบคุณครับ ช่วงเดือนหวานสีชมพู..วาเลนไทน์นี่ มีสมาชิกสาวสวยแวะ ...
ต้นฉบับโพสโดย cho เมื่อ 5/2/2010 09:15 http://khalong.com/board/images/common/back.gif
เห็นด้วยทั้ง 7 ข้อ ครับ สัทธาไม่มีบารมีไม่เกิด ครับ:kiss: :kiss: ขอบคุณครับ ท่ีานเจ้าเมือง สนับสนุนด้วย หนึ่งเสียงคับท่านเจ้าเมือง เยี่ยมยอดครับ :handshake
รู้จักพอ.. คนไม่พอคือคนที่จนอยู่ตลอดเวลา
:D ขอบคุณครับสำหรับสาระดี ๆ ที่เจ้าเมืองคนสวยนำมาให้อ่านครับ ช่วงเดือนหวานสีชมพู..วาเลนไทน์นี่ มีสมาชิกสาวสวยแวะ ...
ต้นฉบับโพสโดย cho เมื่อ 5-2-2010 09:15 http://khalong.com/board/images/common/back.gif
พี่ศรัทธามากค่ะ โดยเฉพาะแม่ยั่ว ที่เจ้าเมืองแนะนำ ของแบบนี้ไม่ลองกับตัวเองไม่รู้หรอกค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ใส่บาตรเลย แล้วก็ไม่ค่อยได้สวดมนต์ด้วย นอนดึกน่ะค่ะ ทำงานตลอด กลางวันทำงานหลวง เย็นถึงค่ำทำงานราษฎร์ ทำงาน ทำงาน ทำมาหากิน (ไม่ใช่ทำมาหาเก็บ) แต่จะพยายามทำบุญด้วยการคิดแต่สิ่งที่ดี ช่วยเหลือผู้อื่น ทำจิตใจให้ดี ให้สบาย แนะนำและช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ (นี่คือสิ่งที่ทำตลอด) ข้อสำคัญ ... ให้อภัยเสมอ ไม่ว่าใครก็ตาม ขอบคุณครับ พี่ศรัทธามากค่ะ โดยเฉพาะแม่ยั่ว ที่เจ้าเมืองแนะนำ...
ต้นฉบับโพสโดย rynyapatch เมื่อ 1-4-2010 10:38 http://khalong.com/board/images/common/back.gif
ดีครับพี่ริน เรื่องร้ายจะได้กลายเป็นดีครับ สู้ ๆ เพื่อแก้วตาดวงใจ2 คนที่น่ารักครับ คนเรา มีขึ้น...ก็ย่อมมีลง...